“ร่มธรรม” สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เร่งรัฐบาล แก้คลื่น 3 ลูก วิกฤตสิ่งแวดล้อม ไม่แน่ใจ เรือลำนี้จะนำพาประเทศ และประชาชนไปได้ไกลแค่ไหน
วันที่ 13 ก.ย. 66 นาย ร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) ตนได้อภิปรายพร้อมให้ความเห็นต่อการ แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาว่า การแถลงนโยบายถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
อย่างน้อยใน 4 ปีข้างหน้า หากเปรียบเทียบรัฐบาลเป็นดั่งเรือที่จะพาคนไทยออกเดินทาง ท่ามกลางคลื่นปัญหาที่หลากหลาย แต่จากการแถลงนโยบาย ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจว่า เรือที่นำโดยนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และคณะรัฐบาลลำนี้ จะนำพาประเทศและประชาชนไปได้ไกลแค่ไหน
นายร่มธรรม กล่าวว่า มีหลายนโยบายที่ไม่ตรงปก หลายนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไม่มีอยู่จริง หลายนโยบายที่อยู่ในคำแถลงนี้มีลักษณะผิวเผิน เขียนไว้กว้างๆ และไม่มีตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม หรือกรอบเวลาที่ชัดเจน มี สส.หลายท่านมองว่าเป็นนโยบายที่ไม่มองลึกไปถึงต้นตอของปัญหา ไม่มองไปถึงคลื่นใต้น้ำ และไม่มองถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง
อีกประเด็นที่ทำให้ตนไม่มั่นใจในนโยบายของรัฐบาลนี้ คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในความไม่เหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในบางกระทรวงที่ถูกมองว่าผิดฝาผิดตัว แต่เมื่อรัฐบาลได้รับโอกาสแล้ว ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา
นายร่มธรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนค่อนข้างเป็นกังวลต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ สภาพภูมิอากาศของโลก ดังนั้นจึงขอเน้นย้ำถึงปัญหา และมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยและโลก กำลังเผชิญกับคลื่นลูกใหญ่ของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อย่างน้อย 3 ลูก ได้แก่
คลื่นลูกที่ 1 คือ ปัญหาโลกร่อยหรอ หรือ วิกฤติการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดจากการใช้ทรัพยากรเกินขนาดทั้งบนบกและในทะเล ส่งผลให้ทรัพยากรทางธรรมชาติของเราลดลง ทั้งป่าไม้ น้ำ และสัตว์ป่า รัฐบาลจะต้องมีมาตรการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น จัดทำแนวเขตป่าให้แล้วเสร็จ พร้อมกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนให้เป็นธรรม ต้องพิจารณาโครงการของรัฐที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างถี่ถ้วน นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการจัดการสวัสดิการของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รวมทั้งรัฐบาลจะต้องเร่งจัดการกับปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับด้านสิ่งแวดล้อม ที่ยังคงพบปัญหานี้อยู่ และอาจจะกลับมามากกว่าเดิม
คลื่นลูกที่ 2 คือ ปัญหาโลกเลอะ หรือวิกฤตด้านมลพิษ ทั้งมลพิษทางอากาศ น้ำเสีย และขยะมูลฝอย แม้ว่าในคำแถลงนโยบายของรัฐบาล บอกเพียงว่าจะแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ที่เป็นวาระแห่งชาติ ตนเห็นว่ามีการประกาศเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แล้วจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้อย่างไร ด้านขยะมูลฝอย รัฐบาลต้องมีมาตรการและกฎหมายควบคุมการสร้างขยะมูลฝอยและขยะพลาสติกอย่างจริงจัง และด้านคมนาคมขนส่ง รัฐบาลจะต้องส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงกว่านี้ นอกจากนี้ต้องสนับสนุนการใช้รถสาธารณะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อลดมลพิษ และที่สำคัญราคาค่าโดยสารรถสาธารณะต้องมีราคาถูก เมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ โดยเฉพาะค่ารถไฟฟ้า แต่ปรากฏว่านโยบายราคาค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ก็ไม่ปรากฏอยู่ในคำแถลงนโยบายนี้ แม้จะเป็นสิ่งที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนก็ตาม
คลื่นลูกที่ 3 ถือเป็นคลื่นของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติจะต้องเผชิญ คือปัญหาโลกรวน หรือ วิกฤตสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งจากภาคพลังงาน ภาคการขนส่ง และการผลิต ที่ทำให้โลกของเราร้อนยิ่งขึ้น และรวนยิ่งขึ้น ประเทศไทยถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกรวนมากที่สุดในโลก ดังนั้น จึงขอเสนอให้รัฐบาลผลักดันให้เรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นวาระแห่งชาติ