มติที่ประชุมวุฒิสภาชี้"กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ"สมาชิกวุฒิสภาไม่ขัดจริยธรรม กรณีขัดขวางเจ้าอาวาสวัดบางคลานปฎิบัติหน้าที่
นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณา รายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียน จริยธรรมสมาชิกวุฒิสภา ของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ( นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ) ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 ข้อ 42
โดยมีพลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการต่อที่ประชุม
โดยพลเอกสิงห์ศึก กล่าวว่า มีบุคคลยื่นหนังสือขอให้ดำเนินการไต่สวน และวินิจฉัยพฤติกรรมของนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา จากกรณีปัญหาความขัดแย้งที่วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ซึ่งนายกิตติศักดิ์ถูกร้องเรียนว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่ยอมให้เจ้าอาวาสวัดบางคลานที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ พบพฤติกรรมที่ขัดต่อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม สมาชิกวุฒิสภา และ และกรรมาธิการ พ.ศ.2563
โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้มีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเบื้องต้นแล้ว และส่งเรื่องร้องเรียนมายังคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา โดยคณะกรรมการได้มีมติในการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ ข้อมูล และข้อเท็จจริงว่ามีมูลที่จะรับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณาหรือไม่
ซึ่งเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนแล้ว เห็นว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่จะรับเรื่องไว้พิจารณา จึงมีมติให้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่ได้รับเรื่องจากวุฒิสภา แต่เรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริง และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก คณะกรรมการจึงขอขยายเวลาพิจารณาจำนวน 2 ครั้ง มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น 13 ครั้ง ก่อนที่เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาลงมติซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาลงคะแนนเป็นการลับ
ท้ายที่สุดหลังการลงคะแนนเสียงแบบลับ ที่ประชุมวุฒิสภามีมติ เห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา 93 คะแนน ไม่เห็นชอบด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการจริยธรรม คะแนน 33 และไม่ออกเสียง 37 คะแนน
จึงถือว่านายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ มิได้กระทำการในลักษณะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงหรือสงสัย ในการปฎิบัติหน้าที่ หรือให้ความเห็นในลักษณะการใส่ร้าย หรือเสียดสีบุคคลอื่น หรือนำเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นในการประชุม ตามข้อบังคับประมวลจริยธรรมข้อที่ 31 และ 36 วรรคหนึ่ง
ด้วยคะแนนเสียงที่เห็นชอบด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือ ไม่ถึง 124 คะแนน ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 43 วรรคสาม
อย่างไรก็ตามผลการพิจารณาดังกล่าวจะแจ้งไปยังผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบตามระเบียบว่าด้วยการยื่นเรื่องร้องเรียนและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการ จริยธรรมวุฒิสภาต่อไป.