ตำรวจชุดจับกุมเล่านาทีจับเด็ก 14 กราดยิงในห้างพารากอน เผยผู้ก่อเหตุเตรียมสู้ตาย แต่รู้ว่าสู้ไม่ชนะเลยยอมมอบตัว
ร้อยตำรวจเอกธัญอมร หนูนารถ รองสารวัตรปรามปราม สน. ปทุมวัน หัวหน้าชุดระงับเหตุเยาวชนชายอายุ 14 ปี กราดยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้รับคำสั่งให้เข้าไประงับเหตุในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งภารกิจของตนเองจะต้องเข้าไประงับเหตุ ไม่ให้คนร้ายก่อเหตุเพิ่ม โดยมีการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่เป็นหลายชุดจาก สน.ปทุมวัน และ สน.ในพื้นที่ บก.น.6 ที่ส่งกำลังมาสนับสนุน
เนื่องจากห้างมีขนาดใหญ่ จึงมีการแบ่งกำลัง 1 ชุด ดูกล้องวงจรปิด และกระจายกำลังค้นหาคนร้าย โดยชุดของตนเองได้รับข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุปรากฎตัวที่ชั้น 3 ทิศใต้ของห้าง บริเวณใกล้ร้านเฟอร์นิเจอร์ จึงขึ้นไปตรวจสอบ โดยมีกำลังเสริมจาก สน.สำราญราษฎร์ ไปด้วย
ตอนที่ไปถึง พบว่า เด็กชายวัย 14 กำลังคุยโทรศัพท์สายกับตำรวจชุดไกล่เกลี่ย ของ 191 ซึ่งกำลังเจรจาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว แต่เด็กตอบว่า “เห็นคนถืออาวุธปืนเยอะมาก ต้องสู้ ถ้าสู้ไม่ได้ก็จะฆ่าตัวตาย”
ร้อยตำรวจเอกธัญอมร เล่าต่อว่า จากนั้นตนเองจึงประเมินสถานการณ์ว่า ผู้ก่อเหตุกำลังวัดใจ จึงแสดงอาวุธให้เห็นว่าตำรวจมีอาวุธปืนยาว ซึ่งเป็นอาวุธที่เหนือกว่า เป็นจิตวิทยาให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่า ถึงสู้ไปก็สู้ไม่ได้ สุดท้ายฝ่ายผู้ก่อเหตุจึงยอมวางอาวุธปืน และมอบตัวกับตำรวจ
โดยขณะที่เข้าไปจับกุมและแจ้งรายละเอียดว่าการกระทำความผิดจะถูกแจ้งข้อหาอะไรบ้าง และแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยขณะนั้นผู้ก่อเหตุมีท่าทีนิ่ง ไม่ตอบโต้อะไร แต่ดูมีสติดี จากนั้นผู้บังคับบัญชาจึงมาสอบปากคำต่อ
โดย ร้อยตำรวจเอกธัญอมร ตั้งข้อสังเกตอีกว่า ระหว่างที่เข้าไประงับเหตุ ส่วนตัวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน เพราะมีอุปกรณ์สำหรับเหน็บปืน และลักษณะการใช้อาวุธดูเหมือนผ่านการฝึกมาก่อน
สำหรับร้อยตำรวจเอกธัญอมร เป็นผู้จบหลักสูตรแอคทีฟชูตเตอร์ โดยอบรมจาก FBI ซึ่งเป็น หลักสูตรที่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การสนับสนุนตั้งแต่เป็นรอง ผบ.ตร.
