นายกรัฐมนตรี กำชับให้ กอ.รมน. ดูแลให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือนร้อน ประชาชน ควบคู่บูรณาการด้านความมั่นคงทุกมิติ
วันที่ 31 ต.ค. 66 วันที่ 31 ต.ค. ที่ กองอำนวยการรักษาความมัน่ควงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม กอ.รมน. ส่วนกลาง และเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติงานแก่ กอ.รมน.
ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จำนวน 23 ท่าน, ผู้บริหารและผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ กอ.รมน. โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมผ่านจอภาพ ได้แก่ ผอ.รมน.ภาค และ ผอ.รมน.จังหวัด (ผู้ว่าราชการจังหวัด) ทั่วประเทศ
ในช่วงแรกของการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการประชุม และกล่าวแสดงความยินดีที่ได้ร่วมงานกับ กอ.รมน. จากนั้น เป็นการแนะนำผู้บริหาร กอ.รมน. การประเมินสถานการณ์ความมั่นคงในปี 2567 การชี้แจงอำนาจหน้าที่และการปฏิบัติงานที่สำคัญของ กอ.รมน. ตลอดจนความคืบหน้าในการดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการสนับสนุนการดำเนินการเรื่องการบริหารจัดการที่ดินในความครอบครองของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์
โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า การแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงจำเป็นต้องมีการบูรณาการของทุกภาคส่วนราชการ พลเรือน ทหาร และตำรวจ รวมถึงการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ตลอดจน การแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ ให้ กอ.รมน. เสริมการปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างครบวงจร เพื่อให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทย
สำหรับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและต้องการให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นบ้านที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ กอ.รมน. ส่งเสริมบทบาทด้านการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ซึ่งปัจจุบันประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ระดมสรรพกำลัง เครื่องมือของกองทัพและส่วนราชการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือได้ทันต่อสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชน และให้มีการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างสร้างสรรค์ในด้านต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มพูนโอกาสทางเศรษฐกิจ รายได้ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งในการประกอบอาชีพ การพัฒนาพื้นที่ทำกิน การทำเกษตรกรรม การจัดหาแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก โดยประสานการบูรณาการกับทุกภาคส่วนในระดับจังหวัดและหน่วยงานทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้มีการขยายผลการบริหารจัดการที่ดินในความครอบครองของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์ โดยยึด “หนองวัวซอโมเดล” เป็นต้นแบบ เพื่อให้การใช้ที่ดินของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันโครงการ หนองวัวซอโมเดล อยู่ในขั้นตอน การสอบสวนสิทธิการครอบครองใช้ประโยชน์ และรับคำร้องขอเช่าที่ราชพัสดุจากประชาชน โดยจะมีการทำพิธีมอบสัญญาเช่าให้แก่ประชาชนวันที่ 25 ธ.ค. นี้
โดยในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้เน้นถึงการเพิ่มบทบาทของ กอ.รมน. ในการสร้างความพร้อมให้กับประเทศ สร้างอนาคตที่ดีให้กับคนไทยทุกคน ตลอดจนความมั่นคงในการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจปากท้อง ร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหาสังคมที่ต้นเหตุ คือความยากจน รวมถึงขอให้มีการพัฒนาปรับปรุงระบบงานด้านความมั่นคงของ กอ.รมน. ให้มีความทันสมัย ตอบสนองภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในทุกพื้นที่ของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป