มติร่วม พรรคก้าวไกล ขับ สส.แจ้ พ้นพรรค เซ่นปมฉาว คุกคามทางเพศ

2 พ.ย. 66

 

 

มติร่วม พรรคก้าวไกล ขับ สส.แจ้ พ้นพรรค เซ่นปมฉาว คุกคามทางเพศ บีบให้ยอมรับ-ขอโทษสังคม ขณะที่ สส.ปูอัด รอคาดโทษ

วันที่ 1 พ.ย. 66 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ สส. พรรคก้าวไกล นานกว่า 6 ชม. เพื่อลงมติในกรณีที่มีผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่ามี สส.ของพรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศนั้น 

ที่ประชุม พรรคก้าวไกลมีมติขับ นาย วุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือ สส.แจ้ สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล ออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกล เพราะถือว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ส่วนนาย ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ สส.ปูอัด สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ประชุมออกเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ให้ขับพ้นสมาชิกพรรค จึงให้มีการรอคาดโทษไว้ก่อน เพื่อให้มีการยอมรับผิด และขอโทษจากการกระทำ จากนั้นจะมีการพิจารณาต่อไป 

ทั้งนี้นาย ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังประชุม ว่า ที่ประชุมพรรค และ สส. ซึ่งมาประชุมจำนวน 128 คน ผลการพิจารณาปรากฎว่า เห็นตรงกันว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ถือว่าขัดต่อวินัยพรรค อุดมการณ์ และคุณค่าของพรรค ขั้นร้ายแรง ซึ่งโทษสูงสุดคือให้พ้นจากสมาชิกพรรค รองลงมาคือ คัดสิทธิพึงมีและคาดโทษตามกรณี 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า โดยกรณีนาย วุฒิพงศ์ มติของที่ประชุมร่วมให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ส่วนนาย ไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ สส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่มีอยู่ คือ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และคาดโทษไปตลอดสมัยประชุมนี้ หากมีพฤติกรรมใดๆ เข้าข่าย คุกคามจะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า และที่ประชุมร่วมฯ ยังเห็นว่านาย ไชยามพวาน ควรจะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษสังคม ผู้เสียหาย และชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ หากนาย ไชยามพวาน ยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีขอโทษหรือชดใช้เยียวยาความผิด ที่ประชุมร่วมฯ จะมีมติกันใหม่ เพื่อมีมติขับออกจากสมาชิกพรรค 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ทางคณะกรรมการวินัยของพรรค จะแจ้งให้ผู้เสียหาย และผู้ร้องทราบมติของกรรมการบริหารและมติของที่ประชุมในวันนี้ต่อไป 

เมื่อถามว่า จะมีการขอให้ทั้ง 2 คนลาออก เพื่อเปิดทางเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทั้งสองคน บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นเรื่องที่พึงทำ และตนเชื่อมั่นว่า แม้คนที่จะทำผิด หากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมจะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าไปคิดว่าการรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิด และจำเป็นต้องรอกระบวนการยุติธรรมให้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการเท่านั้น ผตนสนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี 

เมื่อถามว่า มีหลายคนมองว่าทางพรรคดำเนินการเรื่องนี้ช้า นายชัยธวัช กล่าวว่า ในบางกรณีอาจจะดูช้า ใช้เวลานาน แต่มีความจำเป็นจริงๆ เพราะบางทีกระบวนการสอบข้อเท็จจริง มีความซับซ้อนและต้องฟังอย่างรอบด้าน ไม่ใช่รับฟังข้อมูลจากผู้เสียหายอย่างเดียว ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้งอย่างเต็มที่ เมื่อได้ข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย ยังต้องมีพยานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากทุกฝ่าย 

อย่างกรณี ส.ส.ปราจีนบุรี เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้เสียหาย ถือเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการวินัย และคณะกรรมการบริหารพรรคอย่างมาก และมีผลต่อมติในที่ประชุมวันนี้เป็นอย่างมาก บางทีเราก็พยายามรวบรัดกระบวนการมากเกินไปไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อได้ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิฉัย เราก็จะไม่รอช้า อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพรรค จะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทั้งของคณะกรรมการวินัย และมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้ง 2 กรณีนี้ กรรมการวินัยฯ ของพรรค กรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมร่วมของ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค เห็นตรงกันว่ามีพฤติการณ์คุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินับพรรคขั้นร้ายแรง ซึ่งจะมีมาตรการลงโทษหลายระดับ คือ โทษสูงสุดคือ ให้พ้นจากสมาชิกพรรค รองลงมาคือ ตัดสิทธิที่พึงมีทั้งหมด และคาดโทษ 

“กรณีนายไชยามพวาน แม้จะยังเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลอยู่ แต่จำเป็นต้องออกมารับผิด ขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหาย ความต่างของ 2 กรณีนี้ คือมีหนึ่งกรณีที่เห็นตรงกันเกือบทั้งหมด คือมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาทตั้งแต่การเป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรค จนถึงการเมื่อเป็น ส.ส.แล้ว ยังมีการใช้อำนาจโดยมิชอบในการคุกคามทางเพศ และมีความพยายามที่จะใช้อำนาจของตน ในการปกปิดความผิดจนถึงปัจจุบัน” นายชัยธวัช กล่าว 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางพรรคได้ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมา ที่มี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ ที่จะปรับปรุงกระบวนการทั้งหมดภายในพรรค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก รวมถึงการอบรมด้วย แต่ไม่ใช่การอบรมอย่างเดียว พรรคให้ความสำคัญต่อการไม่อดทนต่อการคุกคามทางเพศอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่าแม้โดยหลักการคนจะรับรู้ แต่ในทางปฏิบัติความเข้าใจของแต่ละคนไม่เท่ากันว่าอะไร คือ การคุกคามทางเพศ อะไรไม่ใช่การคุกคามทางเพศ 

“กรณีที่เกิดขึ้นถึงเป็นบทเรียนภายในพรรค สำหรับ สส. และผู้ปฏิบัติงานในพรรคทั้งหมดว่า หากใช้บทบาทหน้าที่ หรืออำนาจของตนไปมีพฤติการณ์ในทางคุกคามทางเพศ แม้ว่าหลายคนจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่ได้เกิดการปฏิเสธ หรือดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันที่สองฝ่าย มันไม่เป็นการยิมยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง หากอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน หากคนที่อยู่ในสถานะที่ให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือทีมงาน อันนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม จะอ้างว่ายินยอมพร้อมใจไม่ได้ ซึ่งนี่ถือเป็นตัวอย่างของความละเอียดอ่อนที่คนในสังคมที่ไม่เท่ากัน” นายชัยธวัช กล่าว 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายไชยามพวาน หลังจากที่มีมติที่ประชุมวันนี้ ก็ย้ำว่าในที่ประชุมเสียงที่เห็นด้วยให้ขับคือ 106 เสียง ถือเป็นเสียงข้างมาก แต่ยังไม่ถึง 3 ใน 4 จึงยังไม่สามารถขับออกจากสมาชิกพรรคได้ ซึ่งที่ผ่านมา นายไชยามพวาน ได้พยายามโต้แย้งของกล่าวหา จึงเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ ที่ประชุมวันนี้มีมติว่า นายไชยามพวาน จะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหาย ทั้งนี้ทราบว่า 3 คนที่เข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ได้ลาออกจากทีมของนายไชยามพวาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุให้คณะกรรมการบริหารพรรค และตนทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อทราบและได้ข้อมุลจำนวนหนึ่งว่า อาจจะเป็นเหตุต่อการคุกคามทางเพศ จึงแจ้งให้กรรมการวินัยไปสอบข้อเท็จจริง โดยที่ในตอนแรกยังไม่มีผู้ร้องเลย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส