สส.แจ้ ลั่นไม่ลาออก พร้อมแฉ ก้าวไกลทำตัวเหมือนศาลตัดสิน ขอมูฟออน เตรียมหาค่ายใหม่สังกัด โอดไม่มีคอนเนกชั่นการเมือง เหมือน สส.ปูอัด
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 พ.ย. 66 ที่รัฐสภา นาย วุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือ สส.แจ้ สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล แถลงกรณีที่ พรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรค เนื่องจากมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศว่า ขณะนี้กระบวนการภายในของพรรคสิ้นสุดลง และเราก็เห็นรีแอคชั่นภายในพรรคเยอะ ที่ผ่านมาตนค่อนข้างเสียหายเยอะทั้งส่วนตัวและเรื่องครอบครัว ตนไม่ใช่นักการเมืองที่แถลงเก่ง และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ได้มีโอกาสตอบสังคมเลย เป็นความรู้สึกอึดอัดมาตลอด เพราะตนเคารพกระบวนการสอบวินัยของพรรค
นาย วุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ไทม์ไลน์เรื่องนี้ไม่มีประเด็นที่ซับซ้อน เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศมี 5 ระดับ ที่ผ่านมาเราจะเห็นอัตราการลงโทษของพรรคคือการให้ทำทัณฑ์บน 1 ปี แต่ของตนค่อนข้างผิดหวัง เพราะมีมติที่รุนแรงที่สุด การขับออกจากพรรคหมายความว่าเรากระทำความผิด แต่กระบวนการยุติธรรมภายนอกการล่วงละเมิดทางเพศต้องเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน หรือถ้ากระบวนการวินัยของผู้แทนราษฎรก็ต้องเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรก่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 65 ตั้งแต่ตนเป็นคณะทำงาน ยังไม่ใช่แคนดิเดตผู้สมัคร สส.
เมื่อถามว่า ในกระบวนการของพรรคที่อึดอัด มองว่าพรรคไม่ได้รับฟังข้อมูลหรือคำชี้แจงฝั่งของเราหรืออย่างไร นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า คำถามนี้ตอบยากมาก จริงๆในกระบวนการของพรรคมีหลายเรื่องซ้อนอยู่ เพราะตนมีประเด็นอื่นที่แจ้งพรรคไป เกี่ยวข้องกับการทุจริตในจังหวัด แต่ยังมีการเพิกเฉยอยู่ แต่เรื่องนี้กลับถูกแซงขึ้นมาก่อน ในกระบวนการของพรรคะเห็นว่าสัปดาห์แรกหลังจากมีประเด็นเหตุการณ์นี้ ตนได้เข้าให้กรรมการวินัยสอบ แต่ผู้เสียหายกลับมีการปล่อยข้อมูลออกไปทางโซเชียลก่อน และเราจะเห็นการแถลงข่าวของกรรมการบริหารพรรคบางคนก่อนล่วงหน้า ซึ่งลักษณะนี้เป็นการชี้นำหรือไม่ และการแถลงก่อนวันที่จะตัดสิน ตนถามหาความเป็นธรรมในส่วนนี้ เสียงการโหวตเมื่อวานนี้ตนยอมรับมติของพรรค ถือเป็นเรื่องที่ดีกับตนที่จะได้มูฟ ออนต่อ
เมื่อถามย้ำว่า ทางพรรคไม่ได้รับฟังประเด็นที่ถูกดิสเครดิตใช่หรือไม่ นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า กรณีของตนในการเข้าให้ข้อมูลนัดแรก 10 ต.ค. 66 มีกรรมการ 7 คน แต่มาจริง 6 คน จากนั้นวันที่ 30 ต.ค. เข้าพบกรรมการวินัยครั้งที่สอง กรรมการจาก 7 คน เหลือ 4 คน ข้อมูลที่ตนให้เหมือนไม่มีความสำคัญ และ 5 นาทีสุดท้ายก่อนยุติการสอบสวน กรรมการคนที่ 5 เดินเข้ามา ความสำคัญเกี่ยวกับชีวิตคน ผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรี ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่ตนเคารพการตัดสินใจ
“ถ้าสมมติมีกระบวนการแทรกแซงภายในจังหวัดของตน การที่มี สส.ตั้งเป็นคณะกรรมการวินัยเหมาะสมหรือไม่ กรณีการล่วงละเมิดทางเพศความจริงควรมีหมอหรือจิตแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ด้านนี้ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบผู้ถูกคุกคาม ซึ่งการสอบครั้งนี้ไม่มีคนนอก แต่เป็น สส.ทั้งหมด”
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ผลการลงมติแตกต่างจากของ สส.ปูอัด ที่พิจารณารอบเดียวกัน นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนเป็น สส.ต่างจังหวัด เป็น สส.ภูธรที่ทำงานในพื้นที่หนัก และทำงานเชิงประเด็นหลายเรื่อง เช่นเรื่อง มลพิษ และเรื่องเหมือง การเป็นคอนเนกชั่นกับเพื่อน ตนจะมีเพื่อนด้านสิ่งแวดล้อมเยอะ ตนไม่ค่อยมีคอนเนกชั่นกับเพื่อนที่เป็นการทำงานเชิงการเมืองเกินไปที่ต้องไปรู้จักคนเยอะๆ ฉะนั้นเสียงห่างกันอยู่ไม่เกี่ยวสิบเสียง
เมื่อถามย้ำว่า เกี่ยวข้องกับคอนเนกชั่นด้วย นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า การเมืองครับ มันเป็นการเมือง เมื่อถามว่า การเมืองภายในพรรคใช่หรือไม่ นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องการเมืองครับ ผมตอบได้แค่นี้
เมื่อถามว่า หมายความว่าคนในพรรคก้าวไกลก็มีคนช่วย สส.ปูอัดหรืออย่างไร นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนขอตอบแทนสส.ปูอัดว่า กระบวนการของเขาก็ต้องการสืบสวนจากภายนอกเองด้วย ไม่ได้ต้องการเข้าสู่กระบวนการพรรค เพื่อนสส.หลายคนอึดอัด เพราะ สส.ควรมีหน้าที่ร่างกฎหมาย วาระต่างๆ แต่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้เยอะมาก ในกรณีของตนหรือพรรคก้าวไกลเอง ตนเคยคิดในมุมเสนอแนะว่ามีข้อเสนอให้ผู้เสียหายเดินไปสู่กระบวนการยุติธรรมภายนอกที่ไวกว่า แต่ตอนนี้พรรคก้าวไกลเองใช้กระบวนการภายใน ถ้าสมมติว่าตนไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรคบางคน เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่
เมื่อถามว่า แสดงว่าเรามีความขัดแย้งภายในมาก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนขอให้ข้อมูลประมาณนี้ อยากมูฟออนออกจากตรงนี้ เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ตนเพิ่งก้าวมาใหม่ อยากให้ผ่านไป เพราะกลับไปทวงอะไรไม่ได้ ส่วนกระบวนของทางพรรค ตนรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ให้เราพูดมาตลอด เราก็พูดไม่ได้ เมื่อเราจะได้พูดก็พูดหลังมติออกคือวันนี้
เมื่อถามว่า ใครเป็นคนห้ามพูด หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือใคร นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นมติที่ผู้อยุ่ภายใต้พรรคื สส.พรรคทุกคนทราบดี ในกรณีบางเคสมักจะพูดว่า ระหว่างนี้ให้กรรมการวินัยตรวจสอบก่อน หรือสัมภาณ์ในส่วนของกรรมการวินัย
เมื่อถามว่า เสียใจหรือไม่ ที่มติออกมาไม่เท่าเทียมกับ นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า เสียใจ เพราะตนไม่มีคอนเนกชั่นเรื่องพรรคการเมืองเลย และหลังจากนี้ยังคิดไม่ออกหลายเรื่องว่าเราจะไปที่ไหน ไปพรรคอะไร เรายึดมั่นในอุดมการณ์ และโหวตเตอร์ในจังหวัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่เราเข้ามาได้ ตนอยากขอโทษพี่น้องชาวปราจีนบุรีที่ทำให้ผิดหวัง หลังจากนี้จะมีการกระบวนการตามมาในการพิสูจน์ตัวเองในฐานะบุคคลธรรมดาที่เสื่อมเสียชื่อเสียง
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าภาพลักษณ์เรื่องคุกคามทางเพศจะติดตัวเราไป นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าถ้าเราสามารถตอบสังคมได้ในกระบวนการภายนอกที่เป็นกระบวนการยุติธรรม แม้ภาพลักษณ์จะติดตัวไปแล้ว แต่อย่างน้อยคนจะจำว่าเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศคืออะไร คนต่างจังหวัดเข้าใจว่าเป็นการข่มขื่นและหนักมาก แต่ชาวบ้านให้กำลังใจดีมาก อย่างไรก็ตามตนคงไม่ยื่นเรื่องอุทธรณ์กับพรรคแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้มองว่าสังกัดพรรคไหนไม่ได้ แต่เมื่อ สส.พ้นสภาพจากพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็มีพรรคการเมืองมองอยู่แล้ว แต่ตนต้องแสดงจุดยืนในพรรคที่จะเข้าไปใหม่
เมื่อถามว่า มีเพื่อน สส.ในพรรคเรียกร้องให้ลาออก นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนสงสัยว่าเหตุการณ์ยังไม่ได้มีการพิพากษาถึงที่สุด แต่ตั้งตัวเป็นศาล เพื่อตัดสิน ขณะที่ที่ผ่านมาก็ไม่ยอมรับศาล
ช่วงหนึ่งนายวุฒิพงศ์ โชว์หลักฐานภาพที่ถูกแชร์ใน Twitter ซึ่งเป็นแชร์ในโซเชียลมีเดีย บางภาพที่เป็นการจงใจทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ พร้อมนำโน้ตข้อความของผู้เสียหายที่ได้เขียนถึงตนเอง "ที่ระบุว่าผู้เสียหายยังคงต้องการจะลงพื้นที่ทำงานกับตนเองในทุกที่ทุกวัน และตลอดเวลาที่ออกไปทำงานมีความสุขไม่มีครั้งไหนที่ไม่อยากออกไปทำงาน" โดยได้นำโน้ตข้อความดังกล่าวไปปรึกษาจิตแพทย์ว่า ผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งมีบางข้อความแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป จึงตัดสินใจให้ผู้เสียหายยุติการทำงานกับตนเองตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
นาย วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ตนเองให้ความสำคัญกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องหลักฐานที่คณะกรรมการได้พิจารณาว่าเป็นเฉพาะการแคปข้อความบางส่วนเท่านั้น เพราะมีบางส่วนที่หายไป ซึ่งต่างกันกับกระบวนการสอบสวนยุติธรรมภายนอกที่จะต้องดูในมิติความเชื่อมโยงต่อเนื่อง แต่พยามจะนำหลักฐานให้กรรมการได้รับทราบในการสอบครั้งที่ 2 แต่ กรรมการเข้าไม่ครบ โดยยืนยันว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งหรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายเลย และไม่เคยให้ความหวังผู้ร้อง โดยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ตนเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่เคยคิดเรื่องใช้กำลัง ใช้อำนาจเป็นใหญ่ อย่างที่ได้ยินในสังคม
หลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องกระบวนการนอกพรรค เนื่องจากมีผลกระทบมากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องการถูกขับออกจากพรรค การทำลายชื่อเสียงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว มีการบิดเบือนข้อมูลส่วนตัว ผิดพ.ร.บ.คอมฯ จึงขอยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง สส. และขอโอกาสในการทำงานต่อ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการออกมาตอบคำถามอธิบายในครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ที่แม้แต่สส.ก็ไม่เคยได้ยิน และตนก็พร้อมที่จะ พิสูจน์ตนเองทุกขั้นตอนเนื่องจากผู้ร้องได้เดินทางไปยื่นร้องในทุกช่องทาง
เมื่อถามว่า ตอนนี้สังคมกดดันอยากให้ทั้ง 2 สส.ลาออก เช่นเดียวกับกรณีกับ สส.ที่เมาแล้วขับ ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น นาย วุฒิพงษ์ กล่าวว่า การที่ตนเข้ามาทำงานตรงนี้ คือการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จึงมีหลายประเด็นที่หากเราก้าวถอยก็มีหลายคนยิ้มรอ เพราะใน จ.ปราจีนบุรี และจังหวัดโดยรอบมีตนเพียงคนเดียวที่เป็นสส.พรรคก้าวไกล
พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 65 แต่เพิ่งมาร้องเรียนในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งแล้ว และผู้ที่พามาร้องก็เป็นคนในพรรค จึงอยากให้ไปย้อนดูเพจก้าวไกลปราจีนบุรี ช่วงเลือกตั้งไม่มีรูปตนในเพจเลย และไม่มีแม้แต่การแสดงความยินดีในวันที่ชนะเลือกตั้ง และคนทำงานในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2 ปี ก็หายไป ตนเข้ามาด้วยความยากลำบาก และตนคิดว่าจะดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องด้วย เพราะตนรู้จักเขารู้จังครอบครัวเขา ในช่วงแรกจึงลำบากใจที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ แต่คนอยู่เบื้องหลังกลับดันเขามาอยู่เบื้องหน้า ตนจึงอยากทำให้ตนเองหลุดออกจากข้อครหาในเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เพียงแค่ต้องการที่ยืนในฐานะผู้แทนราษฎรยาทสง่างาม
อย่างไรก็ตามภายหลังการแถลงข่าว นายวุฒิพงษ์ ได้ฝากถึงพรรคก้าวไกลว่า หลังจากนี้ขอให้พรรคก้าวไกลปกป้อ งสส.และสมาชิกพรรค อย่าให้อะไรก็ตามที่ยิงมาโดนพวกเขาง่ายๆ เพราะทุกคนลำบากกว่าจะเข้ามา ต้องแบกรับความกดดันสูง ส่วนเรื่องคณะกรรมการวินัย อยากให้มีสัดส่วนภายนอกจริงๆ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆจริงๆ เช่นตำรวจ จิตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีสัดส่วน สส. น้อยที่สุดป้องกันการเมืองภายใน