เต้ มงคลกิตติ์ หิ้วไก่ย่าง-ส้มตำมาฝาก ทักษิณเก้อ ราชทัณฑ์ไม่อนุญาต

7 พ.ย. 66

เต้ มงคลกิตติ์ หิ้วไก่ย่าง-ส้มตำมาฝาก ทักษิณ เก้อ จนท.กรมราชทัณฑ์ไม่อนุญาต บอกกลัวเบื่ออาหารเดิมๆ ถามอาการป่วยเป็นไงบ้าง ชาวบ้านอยากรู้ 

วันที่ 7 พ.ย. 66 ที่โรงพยาบาลตำรวจ นาย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้า พรรคไทยศรีวิไลย์ และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า เดิมทีวันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กัน 3 คน คือจะมีนาย สิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แต่ติดงาน จึงฝากส้มตำ และไก่ย่างเขาสวนกวางมาให้ รวมถึง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แต่ว่ามีอาการไม่สบาย จึงไม่ได้เดินทางมาด้วย 

สำหรับขอฝากเยี่ยมในวันนี้ มีไก่ย่างเขาสวนกวาง 1 ตัว ราคา 220 บาท ส้มตำไทยผสมปู 2 ตัว พริก 6 เม็ด ราคา 80 บาท ข้าวเหนียว 4 ห่อ ห่อละ15 บาท จากร้านครัวเรือนไทยของนายสิระ ถือว่ารสชาติดี ราคาไม่แพง และยังมีน้ำลำไย รวมถึง เอ๋ นัยนา ชีวานันท์ ได้นำปลากรอบ 5 ห่อ รวมราคา 400 บาทฝากมาด้วย เหมือนกับการเยี่ยมผู้ต้องขังทั่วไป รวมทั้งครั้งหน้าตนจะนำสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกเอง และก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาฝาก 

นาย มงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้เป็นของเยี่ยม เพราะเข้าใจว่าอาหารที่เรือนจำให้ไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร แม้ว่านาย ทักษิณจะไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่ป่วยรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำภายใต้เงื่อนไขของ กรมราชทัณฑ์ ส่วนการเยี่ยมผู้ต้องขังที่จะต้องแจ้งรายชื่อก่อนนั้น เราจะฝากของเยี่ยมไว้แทน เพื่อถามสารทุกข์สุขดิบ เพราะเชื่อว่าอาหารที่โรงพยาบาลคงเป็นข้าวต้ม เกี้ยมฉ่าย กินทุกวันคงไม่ค่อยโอเค จึงเป็นวันแรกพอดีนายสิระเปิดร้านอาหารใหม่ และน.ส.ปารีณาก็เป็นลูกศิษย์เก่าของนายทักษิณ จึงได้ฝากความระลึกถึงมาด้วยว่าสุขภาพเป็นอย่าไงไร เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ชี้แจงว่านายทักษิณป่วยเป็นอะไรกันแน่ ทั้งที่กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจควรชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะนายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ประชาชนก็อยากทราบว่าสุขภาพเป็นอย่างไร ผ่าตัดกี่ครั้ง เครื่องมือโรงพยาบาลเพียงพอหรือไม่ ควรย้ายโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์เพียงพอกว่าหรือไม่ เพื่อให้อาการดีขึ้น 

“มีหลายคนที่อยากมาเยี่ยมนายทักษิณ น่าจะเปิดเป็นเอกเทศให้คนมาเยี่ยมกันได้ หากอาการทุเลาแล้ว ควรย้ายไปอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ ดังนั้นการเยี่ยมครั้งนี้เหมือนเป็นตัวแทนหมู่บ้าน เพราะมีคนทั้งที่เป็นห่วง และคนที่อยากรู้ว่ากระบวนการยุติธรรมไทยเท่าเทียมกันหรือไม่” 

นอกจากนี้ นาย มงคลกิตติ์ ยังระบุว่ากรณีการคุกคามทางเพศว่า คนที่วินิจฉัยเบื้องต้นเรื่องนี้ได้คือ ป.ป.ช. และส่งคดีต่อให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน ส่วนจะผิดร้ายแรงหรือไม่ ตนเชื่อว่าคงไม่ร้ายแรง ไม่เหมือนกับการเสียบบัตรแทนกันหรือการรุกพื้นที่ป่า แต่ทั้งนี้ก็เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะพิพากษาอย่างไร เพราะฉะนั้นหากดูการกระทำความผิด ในกรณีของ สส.แจ้ การดำเนินคดีต้องดูฝ่ายหญิงว่าจะดำเนินคดีหรือไม่  ส่วน สส.ปูอัดมีเคสแรกว่าฝ่ายหญิงดำเนินคดีอาญาหรือไม่ แต่คดีอาญาต้องใช้เวลา ทั้งนี้เชื่อว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีแค่นี้ แต่ยังมีมากกว่านี้อีกหลายเคส เพราะพรรคมีแต่ สส.วัยรุ่นร่วม 100 คน กำลังวัยรุ่น วัยฉกรรจ์ ขาดวุฒิภาวะ ระงับยับยั้งชั่งใจ อีกทั้งการดำเนินการตรวจสอบของพรรคอาจมีการเมืองภายใน แต่ทั้งนี้ขอให้รอดูวันที่ 15 พ.ย. นี้ดีกว่า ว่าจะมีการยุบพรรคหรือไม่ ตนเชื่อว่า พรรคก้าวไกลจะแตกแยกสลายออกเป็น 3-4 กลุ่ม  อาจจะได้เจอ “ลุงตู่ เดอะรีเทิร์น” เพราะสถานการณ์ขณะนี้นายกฯเศรษฐาไม่น่าจะไปได้แล้ว โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 

จากนั้นภายหลังการให้สัมภาษณ์แล้วเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เข้ามาแจ้งนาย มงคลกิตติ์ว่า หากไม่ใช่ญาติที่ลงทะเบียนเข้าเยี่ยมเอาไว้ก็ไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมได้ ส่วนของฝากนั้นก็รับไว้ไม่ได้เช่นกัน เพราะไม่ใช่ญาติ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส