เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราชและนักการเมืองชื่อดัง เปิดใจแม้ถูก ตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี แต่จ่อส่งคนในครอบครัวเล่นการเมืองต่อทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทำการเมืองแบบไม่โกงกิน
เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราชและนักการเมืองชื่อดัง เปิดใจแม้ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี แต่จ่อส่งคนในครอบครัวเล่นการเมืองต่อทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทำการเมืองแบบไม่โกงกิน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 พ.ย. 2566 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช และนักการเมืองชื่อดัง ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงทิศทางทางการเมืองของตน หลังได้รับพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ โดยต้องติดกำไล EM ที่ข้อเท้าเป็นเวลา 8 เดือนว่า ในส่วนของตนต้องไปติดกำไล EM ภายใน 3 วันที่กรุงเทพมหานคร เพราะตนแจ้งที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร
โดยทิศทางการเมือง จะสนับสนุนการทำการเมืองแบบสุจริต ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ซึ่งจะเปิดกว้างไม่สังกัดพรรคไหน เพราะตนได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และขายแฟยี่ห้อเทพไท ซึ่งกำลังออกสู่ตลาดอยู่ในขณะนี้ และเขียนหนังสือทำพ็อคเก็ตบุ๊คเขียนเรื่องราวภายในคุก 480 วัน หรือ 16 เดือน ตามที่อดีตนายกชวน หลักภัยให้คำแนะนำ และในช่วงที่ตนอยู่ในเรือนจำได้นั่งแต่งเพลงที่เกี่ยวกับชีวิตเรือนจำ 15 เพลง ซึ่งจะได้ผลิตออกสู่ตลาดต่อไป อยู่ระหว่างการประสานกับค่ายเพลงและอาจจะไปวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองทางทีวีช่องใดช่องหนึ่ง เพราะตนมีประสบการณ์เคยทำรายการทีวีสายล่อฟ้ามาก่อน นี่คืออนาคตของตนที่จะทำหลังจากออกจากคุก
นายเทพไท ยังกล่าวถึงทิศทางการเมืองของตนว่า สำหรับผมและนายกฯมาโนชได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไป 10 ปี ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินงานทางการเมืองอย่างเป็นทางการได้ แต่ว่าก็คงจะเป็นที่ปรึกษาให้คำปรึกษาช่วยเหลือทีมงานและบุคคลในครอบครัว ซึ่งบ้านผมมีทั้งหมด 8 คน พี่น้องเราถูกตัดสิทธิไป 2 คน เหลือ 6 คน เพื่อสานต่อภารกิจได้สืบทอดเจตนารมย์ของครอบครัว ก็มีจำนวน 4 คน คนแรก ผศ.เชาวน์วัศ เสนพงส์ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ซึ่งนายกเชาวน์วัศ รอการตัดสินใจของพรรคปชป.ว่ามีการเลือกหัวหน้าพรรค ถ้าหากว่าเป็นคุณอภิสิทธิ์ นายกเชาวน์วัศก็อยากจะกลับประชาธิปัตย์
2.คือคุณพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ อดีตผู้สมัครสส.พรรครทสช. ซึ่งเป็น ผช.สส.ของคุณธนกร วังบุญคงชนะ อีกด้วย คนที่ 3 คือ น้องสาวคนเล็ก น้องมุก จริยา เสนพงศ์ ซึ่งขณะนี้ทำงานการเมืองภาคประชาชน เป็นเอ็นจีโอกลุ่มกรีนพีช ซึ่งพรรคก้าวไกลสนใจที่อยากจะเชิญน้องมุกไปเป็นสมาชิกพรรคลง สมัครในนามพรรค แต่ติดเงื่อนไขเป็นผู้นำเอ็นจีโออยู่ ก็ไม่สะดวกที่จะไปพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นนศ.รุ่นเดียวกับ อ.ปิยะบุตร พรรคก้าวไกล
และนายครรชิต เสนพงส์ ก็พร้อมที่จะเข้าไปอยู่ในพรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนี้ก็เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลแล้ว ตอนนี้ครอบครัวผมที่จะทำการเมืองก็มีอยู่ 4 คนนี้เท่านั้น แต่ว่าจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
ส่วนผมยังคงสนับสนุนการเมืองแบบสุจริต ไม่สร้างอิทธิพล ไม่ซื้อเสียง ไม่ฮั้วประมูล ไม่รับเหมาไม่หากินกับงบประมาณแผ่นดิน เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่ามีการซื้อเสียงกันมากที่สุดและมีการซื้อเสียงใช้เงินกันทุกพรรค ยกเว้นพรรคก้าวไกล.