อธิบดีดีเอสไอ มีความเห็นควรสั่งฟ้อง 10 ผู้ต้องหา คดีอุ้มบุญผิดกฎหมาย ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 236/2565 กรณี ขบวนการลักลอบจัดหาหญิงไทยเพื่อรับจ้างตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญ ให้กับผู้ว่าจ้างชาวต่างประเทศ ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใน จ.หนองคาย กรณีเด็กชายแทนไทย (นามสมมติ) นั้น
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเสร็จสิ้น และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีความเห็นควรสั่งฟ้อง น.ส.นริศรา (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหากับพวก รวม 10 ราย ในความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ” ตามมาตรา 5 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 และความผิดฐาน “ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า” ตามมาตรา 24 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558
โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายสุเนตร (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหากลุ่มนายหน้าชาวไทย และนายหน้าชาวต่างชาติอยู่ระหว่างหลบหนี ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นคนกลางหรือนายหน้าชี้ช่องให้มีการรับตั้งครรภ์แทน” และกลุ่มแพทย์เจ้าของคลินิกย่านถนนเพลินจิตซึ่งเป็นชาวจีนอยู่ระหว่างหลบหนี ในความผิดฐาน “ผู้ให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้แก่สามีและภริยา โดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามมาตรา 27 และมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ ทางการแพทย์ พ.ศ.2558
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำส่งสำนวนคดีพิเศษให้กับพนักงานอัยการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 66 พร้อมด้วยตัวผู้ต้องหา ศาลอาญาได้อนุมัติให้ฝากขัง จำนวน 1 ราย ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 ราย ที่หลบหนี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับไว้แล้วและจะดำเนินการติดตามจับกุมต่อไป