“ประเสริฐ” เตรียมคุยค่ายมือถือ เร่งแก้ปัญหาซิมม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลัง “นายกฯ” ถูกโทรป่วน เผยเล็งเพิ่มโทษคนขายข้อมูล
28 พ.ย. 66 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากากระทรวงการคลัง ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรก่อกวน ว่า ที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ให้กับประชาชนทุกวันอยู่แล้ว โดยเน้นการใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อแก้ไขปัญหาการรั่วไหลข้อมูลซึ่งมิจฉาชีพได้นำไปใช้ โดยได้กำชับ สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องดำเนินการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้หน่วยงานภาครัฐ 85 หน่วยงานได้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้ว แต่ยังมีอีก 9,000 หน่วยงานในภาคเอกชนที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้จะเตรียมเชิญเครือข่ายให้บริการสัญญาณมือถือ มาหารือแก้ไขปัญหาซิมม้าในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งพบว่าในบางวัน 1 เบอร์ โทรผู้เสียหายเป็น 100 ครั้ง จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการใช้ AI ตรวจจับเบอร์โทรศัพท์ที่ผิดสังเกต ซึ่งในวันวันศุกร์ที่ผ่านมาตนได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับมาตรการลงทะเบียนซิมการ์ด สำหรับบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีเบอร์โทรศัพท์มากกว่า 5 เบอร์จะต้องลงทะเบียนต่อ จุดลงทะเบียนให้เสร็จภายใน 30 วัน
นายประเสริฐ ยอมรับด้วยว่าเคยโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาก่อกวน แต่เมื่อรู้ตัวว่าหลอกไม่ได้แล้วก็วางโทรศัพท์ไป ทั้งที่ตนกำลังจะเตรียมถ่ายคลิป ซึ่งจากนี้จะต้องมีการฝึกอบรมประชาชนเพื่อเหมือนเป็นการฉีดวัคซีนในการป้องกันปัญหานี้ ส่วนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมานั้น ขณะนี้ได้ให้ผู้บัญชาการสอบส่วนกลาง ดำเนินการสืบประวัติและติดตามดูพฤติกรรม ซึ่งขณะนี้ พบว่าบางส่วนได้รับการช่วยเหลือและส่งกลับบ้านแล้ว ขณะที่บางคนถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงมั่นใจว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เพราะตอนนี้ รัฐบาลได้ใช้ทุกองคาพยพ ทั้งกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนโยบายเชิงรุก เรื่องส่วนตัวคิดว่าจะต้องจับตัวการใหญ่ให้ได้ ซึ่งขอให้สังเกตว่าขณะนี้มีการดำเนินการจับกุมเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวการและผู้ที่นำข้อมูลส่วนบุคคลไปขาย
ส่วนกรณีการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้ทีมกฎหมายของกระทรวงเตรียมนำเสนอว่ามีกฎหมายใดที่จะต้องแก้ไข เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ระบุว่าคนที่แฮกข้อมูลมีความผิด แต่คนที่ซื้อขายข้อมูลไม่มีความผิด จึงต้องเพิ่มฐานความผิดเข้าไป รวมถึงกรณีการซื้อขายข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้แอปพลิเคชันไลน์ที่รั่วไหล 4 แสนรายการ
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า จะมีการแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ คือ 1. พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2.กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ 3. พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะส่งให้สำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาภายใน ธ.ค.นี้ และหากไม่มีอะไรต้องแก้ไขจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดทางอาญา ทั้งจำ ทั้งปรับ ซึ่งจะพิจารณาโทษตามฐานความผิด โดยอาจจะสูงถึง 5 แสนบาท หากเป็นข้อมูลขนาดใหญ่
สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลมีการดำเนินการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยหรือไม่ นายประเสริฐระบุว่า ขอดูที่สาระสำคัญและหลักการของกฎหมายก่อน พิจารณาซึ่งถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชนเชื่อว่ารัฐสภาก็จะพิจารณา ซึ่ง ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดจึงไม่สามารถตอบได้ว่าเห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ซึ่งสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ เน้นไปที่นโยบายไม่ได้พูดถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่าไหร่นัก แต่ขอยืนยันว่าอะไรที่ไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 เป็นความผิดเกี่ยวกับการเมืองจริง ๆ
ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาบอก ว่าร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลจะทำให้ทุกคนได้สิทธิ์เท่ากัน เพราะตอนนี้หลายคนรับสิทธิ์เหมือนกับคนที่อยู่ชั้น 14 นายประเสริฐระบุว่า “ไม่อยากให้พาดพิงบุคคลที่อยู่ชั้น 14 เพราะ สิ่งที่ท่านได้รับเป็นไปตามกฏหมายทุกอย่าง จึงขอส่งสัญญาณไปว่าอย่าทำให้เป็นประเด็นการเมืองมาก เพราะขณะนี้ บ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่เรากำลังทำอยู่ไม่อยากให้เร่งรัดเรื่องนี้จนเกินไป”
ส่วนท่าทีของนายรังสิมันต์จะทำให้การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นไปได้ยากขึ้นหรือไม่เนื่องจากพรรคก้าวไกล ต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรค นายประเสริฐ ระบุว่า ขอให้พิจารณายกร่างกฎหมายด้วยความบริสุทธิ์ใจ และการนำเสนออย่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งหากต้องการช่วยเหลือประชาชนจริง ๆ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมสนับสนุน