ฮอนด้า เรียกคืนรถ 4.5 ล้านคันทั่วโลก รุ่นดังโดนอื้อ เหตุปั๊มเชื้อเพลิงขัดข้อง ขณะที่ โตโยต้าก็เช่นกัน จ่อเรียกคืนรถยนต์ 1 ล้านคัน หลังพบปัญหาถุงลมนิรภัย
วันที่ 22 ธ.ค.66 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ประกาศเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่ ประมาณ 4.5 ล้านคันทั่วโลก หลังจากพบความเสี่ยงระบบปั๊มเชื้อเพลิงขัดข้อง
สำหรับการเรียกคืนรถยนต์ครั้งนี้ ครอบคลุมรถยนต์หลายรุ่น ในปี 2018-2020 ได้แก่ Honda Accord, Civic, CR-V, HR-V, Insight, Ridgeline, Odyssey, Passport และรุ่น Acura หลายรุ่น รวมถึงแบรนด์ในเครืออย่าง แอคิวรา (Acura) ซึ่งครอบคลุมรุ่น ILX, MDX, RDX, RLX, TLX และ NSX ยานพาหนะ
ทั้งนี้ บริษัทแจ้งต่อสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) ว่าจะเปลี่ยนระบบปั๊มเชื้อเพลิงในรถให้ใหม่ และมีแผนที่จะแจ้งย้ำเรื่องการเรียกคืนรถอีกครั้งในช่วงต้นเดือน ก.พ.ปีหน้า
สำหรับการเรียกคืนรถยนต์ครั้งนี้จะเป็นรถในตลาดสหรัฐฯ 2.54 ล้านคัน ส่วนที่เหลือเป็นของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยช่วงต้นเดือน ธ.ค. ฮอนด้าเพิ่งประกาศเรียกคืนรถยนต์ไปแล้วล็อตหนึ่งในตลาดจีน และ ญี่ปุ่น
ฮอนด้าเคยเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐฯ จากปัญหาเดียวกันมาแล้ว จำนวน 6.28 แสนคัน ในปี 2021 และ จำนวน 1.36 แสนคัน ในปี 2020
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป จะเรียกคืนรถยนต์ 1.12 ล้านคันทั่วโลก เนื่องจากปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรในตัวเซ็นเซอร์ อาจทำให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานตามที่ออกแบบไว้
การเรียกคืนรถยนต์ดังกล่าวมีผลกับรถยนต์ของโตโยต้าและเลกซัสในรุ่นที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2020 – 2022 อาทิ โตโยต้าอวาลอน คัมรี ไฮแลนเดอร์ ราฟโฟร์ เซียนนา และโคโรลล่า รวมถึงรถยนต์รุ่นดังกล่าวที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดอีกด้วย ขณะที่รถยนต์ของเลกซัสที่มีการประกาศเรียกคืน อาทิ ES250 และ RX350
บรรดารถยนต์ที่โตโยต้าประกาศเรียกคืนนั้น มีเซนเซอร์ในเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ที่อาจมีความบกพร่องในการผลิต อาจทำให้เกิดการลัดวงจรที่ทำให้ระบบถุงลมนิรภัยของรถไม่สามารถระบุน้ำหนักของผู้โดยสารได้อย่างถูกต้อง และอาจทำให้ถุงลมนิรภัยของรถยนต์ไม่ทำงาน เมื่อเกิดอุบัติเหตุในบางลักษณะ
ทั้งนี้ตัวแทนจำหน่ายของโตโยต้าและเลกซัสจะทำการตรวจสอบเซนเซอร์ OCS และจะเปลี่ยนเซนเซอร์ชุดใหม่ให้ฟรีหากพบความผิดปกติ โตโยต้าจะทำการแจ้งไปยังลูกค้าว่ารถยนต์ของพวกเขาจะถูกเรียกคืนหรือไม่ ภายในช่วงกลางเดือน ก.พ. 2024
_2.jpg)
