คปท. ปลุกทุกสีเสื้อใส่รองเท้าผ้าใบ บุกทำเนียบฯ 12 ม.ค. ทวงถามเรื่องทักษิณ จี้รัฐบาลดำรงไว้ซึ่งหลักคุณธรรมของกระบวนการยุติธรรม
วันที่ 3 ม.ค.67 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol ระบุว่า “มาตรฐานความยุติธรรมไทย หลายท่านมีภาพจำเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองในอดีต ทั้งที่สู้แล้วได้อะไร สุดท้ายเตะหมูเข้าปากหมา หรือภาพความรุนแรง ในการชุมนุมในอดีต”
“จากภาพจำจึงก่อให้เกิดคำถาม ผมอยากให้มองอย่างใจกว้าง อย่าติดกรอบแว่น ไม่ว่าท่านจะใส่แว่นสังกัดอะไร ข้อเรียกร้อง คปท.คือ ให้รัฐบาล ดำรงไว้ซึ่งหลักคุณธรรมของกระบวนการยุติธรรม ในกรณีนายทักษิณ ชินวัตร นี่เป็นข้อเรียกร้องที่อ่อนมากถ้าคิดในประเด็นการเมือง แต่ข้อเรียกร้องนี้มันมีน้ำหนัก เพราะทั้งข้าราชการและนักการเมืองร่วมกันในการไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง และเกิดความเป็นธรรม หลายคนอาจมีข้อสงสัย เช่น”
1.จะทำลายบรรยากาศปรองดอง
ข้อเรียกร้องนี้ไปทำลายการปรองดอง สมานฉันท์ตรงไหน ไม่เลย แต่นี่กลับจะเป็นการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์อย่างแท้จริงต่างหาก เราจะปรองดองได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลเริ่มบริหารประเทศแล้วเกิดการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อช่วย คนที่โดนคดีทุจริตคอรัปชั่น และไม่ใช่แค่คนเดียว แต่หมายถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในอนาคตด้วย ตราบใดที่รัฐ มอบอภิสิทธิ์ให้แก่คนที่โดนคดีทุจริต คอรัปชั่น โกงประเทศ มาตรฐานความยุติธรรมไทย จะอยู่ตรงไหน นานาชาติจะมองมาตรฐานกฎหมายไทยอย่างไร ความปรองดอง จึงไม่ใช่การเงียบ แล้วให้นักการเมือง เล่นพรรคเล่นพวกช่วยเหลือพวกกันเอง การปรองดองจะเกิดขึ้นได้จาก ความยุติธรรมและความเป็นธรรม
2.จะเกิดความวุ่นวาย
ความวุ่นวายไม่ได้เริ่มจากการเคลื่อนไหวของประชาชน ความวุ่นวายมาจากนักการเมืองคอรัปชั่น และเล่นพรรคเล่นพวก ให้กลับไปดูข้อเรียกร้อง คปท. อย่างที่บอกมันเป็นข้อเรียกร้องที่ประเด็นอ่อนมาก และเราไม่ได้มาไล่รัฐบาล เรามาบอกให้รัฐบาลปฎิบัติอย่างเป็นธรรม นี่คือการส่งเสียงของประชาชนตามกฎหมาย ดังนั้นความวุ่นวายไม่ได้เกิดจากเรา มันเกิดจาก การไม่ดำรงไว้ซึ่งกฎหมายที่เป็นธรรม
3.บางคนหลงประเด็นไปถึงขนาด ม็อบจุดติดหรือไม่ติด หรือม็อบมีเส้นหรือไม่มีเส้น
ผมว่าหลงประเด็นไปกันใหญ่ คปท.คือกลุ่มพลังมวลชนที่มาส่งเสียงให้เป็นหลักการทางสังคมในสถานการณ์ปัจจุบันว่า "รัฐไทยต้องดำรงไว้ด้วยระบบ นิติรัฐ นิติธรรม " ไม่ใช่เรื่องจำนวนแต่มันคือความจริงที่พูด เราไม่ได้มาจัดการชุมนุม เพื่อหวังผลทางการเมืองเฉพาะด้าน แต่มันคือหลักกระบวนการยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน ดังนั้นไม่ใช่เรื่องจุดติดหรือไม่ติด เพราะตราบใดที่ความยุติธรรมถูกบิดเบือนเลือกใช้เฉพาะกลุ่มตน สิ่งที่จะจุดติดจึงไม่ใช่ จำนวนคนมากหรือน้อย แต่มันเป็นเรื่อง ความจริงและความถูกต้อง และวันนี้ผมว่า คนเขาถามเรื่องนี้กันทั้งประเทศ ตราบใดที่เราพูดความจริง พูดด้วยคนเพียง 1 คน มันก็จะเสียงดังกว่าคน 100 คนที่พูดโกหก และวันนี้ความจริงมันถูกจุดติดในใจของประชาชนแล้ว หรือคุณไม่สงสัยเรื่องนี้
4.บางคนพยายามบอกว่า จะเป็นเกมส์การเมือง เข้าทางอีกฝั่ง หมายถึงก้าวไกล
การที่รัฐบาลเล่นพรรคเล่นพวก กรณีนายทักษิณ ชินวัตร นั่นละ คือการเข้าทางก้าวไกล เห็นไหม เรื่องนี้ ก้าวไกล ไม่เล่นหนัก เพราะปล่อยให้รัฐบาลอุ้มทักษิณ แบบนี้ มีแต่คนเขาจะเกลียดรัฐบาล ประชาชนเขามองออกถึงความไม่เป็นธรรม ยิ่งนานยิ่งมีแต่จะทำลายตัวเอง พอคุณมีอำนาจก็ใช้อำนาจเพื่อพวกพ้อง เพื่อนายใหญ่ตระกูลเดียว คนรุ่นใหม่เขาจึงไม่ชอบการเมืองแบบนี้ไง คุณจะอ้างจะอธิบายยังไง คำพูดสวยหรูขนาดไหน อ้างระเบียบข้อไหน แต่ประชาชนเขามองออกว่า "ไม่มีความเป็นธรรม"
นี่ละที่รัฐบาลผสม ฆ่าตัวเอง ไม่ใช่เพราะ คปท.ไปร่วมกับใคร คปท.คือ คปท.คือการเมืองภาคประชาชนที่จะดำรงไว้ ซึ่งความถูกต้องเป็นธรรม
“ดังนั้นขอเชิญพี่น้อง ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร มีมือตบ ตีนตบ มีนกหวีด ฯ ถ้าคุณอยากดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม 12 ม.ค. 67 ใส่รองเท้าผ้าใบมาร่วมกัน เวลา 15.00 น เป็นต้นไป ณ ทำเนียบรัฐบาล สะพานชมัยมรุเชษฐ์ เราจะเป็น 1 คนที่พูดความจริง ดีกว่าเป็น 100 คนที่ร่วมกันเงียบ เพื่อปกปิดความยุติธรรม”