พ่อน้องนาย เศร้ารับศพลูก ตัดพ้อคู่ผัวเมียลูกตายทำไมไม่บอก

7 ม.ค. 67

พ่อน้องนาย เศร้ารับศพลูก ลั่นติดใจปมตายแต่ต้องเชื่อแพทย์ ตัดพ้อคู่ผัวเมียลูกตายทำไมไม่บอก แสร้งตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น 

ความคืบหน้าคดีน้องนาย เด็กชาย 2 ขวบ ที่เสียชีวิตและถูกใส่ในตู้เย็น บ้านหลังหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และผลชันสูตรน้องนายออกมาแล้วว่า สาเหตุการตายเกิดจากการขาดอากาศหายใจ โดยพบเมล็ดข้าวเหนียวติดที่หลอดลมส่วนบน ส่วนร่องรอยบาดแผลที่ขาของเด็ก เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต

ขณะที่ต่อมาช่วง 14.00 น. ทาง นายนพรัตน์ ดวงงาม อายุ 29 ปี พ่อแท้ๆน้องนาย ได้เดินทางมายัง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ปทุมธานี ตัวคนเดียว พร้อมกับถือรูปลูกชายที่เจ้าตัวเตรียมไว้ตั้งหน้าศพ

พ่อมีสีหน้าซึมเศร้าและเสียใจจากน้ำเสียงที่ทีมข่าวได้พูดคุย ซึ่งภายหลังที่ทางเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ ได้มีการผ่าชันสูตรพลิกศพจนทราบสาเหตุของการเสียชีวิต ทางเจ้าตัวจึงได้เดินทางมาเพื่อรับร่างของน้อง ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดไผ่เหลือง (พระอารามหลวง) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

พ่อน้องนาย ยืนยันว่ายังคงคาใจกับปมสาเหตุการตาย แม้ว่าผลชันสูตรพลิกศพ จะระบุว่าน้องขาดอากาศหายใจ เนื่องจากมีเศษข้าวเหนียวเข้าไปติดอยู่ที่บริเวณหลอดลม ซึ่งในส่วนนี้ตนเองก็ต้องเชื่อตามแพทย์ แม้ยังข้องใจแต่ผลการชันสูตรถือเป็นที่สิ้นสุด

ตนไม่อยากจะเชื่อหากไม่มีผลชันสูตรออกมา เพราะในส่วนของข้าวเหนียวยอมรับว่าลูกของตนกินเป็นประจำ แต่อยากจะถามกับทาง “นายแบงค์ - นางสาวก้อย” ในฐานะที่เอาลูกของตนไปดูแล ว่าที่เกิดเหตุไม่ทราบเรื่องหรือไม่ช่วยกันแน่ เพราะจากพฤติการณ์หากน้องสำลักข้าวเหนียวจริง ย่อมจะต้องมีคนเห็นเหตุการณ์และพบความผิดปกติของน้อง แต่นี้ทำไมถึงไม่มีคนเห็น และไม่มีใครช่วย ตนอยากทราบประเด็นนี้มาก เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่เด็กสำลักหรือพบความผิดปกติแล้วจะไม่มีคนเห็น รวมไปถึงหลังเกิดเหตุการณ์แล้วทำไมถึงไม่มีการแจ้งให้ตนทราบ ทำไมไม่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองเป็นการปกปิด

เพราะหากย้อนกลับไปตามที่เขาได้รับสารภาพว่าน้องได้เสียชีวิตเมื่อช่วงตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ทำไมวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ช่วงประมาณ 8 โมง เป็นจังหวะที่ตนขับไปหา “นายแบงค์” ที่บ้านก่อนที่จะออกไปทำงาน แต่ทาง “นายแบงค์” ก็รับทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงพูดจาและพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับลูกของตนคล้ายว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ตนเองก็พบความผิดปกติว่าช่วงหลังทางนางสาวก้อย ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายแบงค์ กลับพูดจาผิดปกติและไม่ค่อยจะส่งรูปลูกของตนมาให้ดู ทั้งที่ก่อนหน้านี้เวลาที่ตนเองสอบถาม ทั้งคู่มักจะถ่ายรูปกิจกรรมของลูกส่งมาในข้อความเป็นประจำ แต่ช่วงหลังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตนก็สอบถามแต่เขาเองได้กล่าวอ้างว่าลูกของตนไปอยู่บ้านแม่ของนายแบงค์อีกหลังหนึ่ง

ตนด้วยความเชื่อใจและไม่ได้ระแวง แต่ไม่คิดว่าเขาเองจะปกปิดและไม่แจ้งตน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนเองก็ยังเห็นว่าเขาค่อนข้างรักและเอ็นดูลูกของตน ด้วยความที่ตนเชื่อใจและสนิทสนมกับเขามานาน ทำให้ตนเองจึงให้เขาและแฟนสาวช่วยกันดูแลลูกของตนนานกว่า 3 เดือน โดยที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

ที่ผ่านมาทาง “แบงค์ ” และ “ก้อย” เองนิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ้างว่าลูกของตนออกไปเที่ยวบ้าง ไปบ้านแม่ของเขาบ้าง ทั้งที่รู้อยู่แกใจว่าลูกของตนเสียชีวิตทุกภายในบ้าน แต่ทำไมต้องปกปิด ตนเจ็บใจ แสร้งทำไม่รู้เรื่อง ส่วนประเด็นเรื่องของการโอนเงินช่วงวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังพบว่าทาง ก้อย มีการโอนเงินให้ตนเอง 100 บาท เป็นการยืมเงิน และตนก็คืนเขาไปช่วงเย็นของวันนั้น ส่วนประเด็นเรื่องค่าอาหารลูกของตน ยืนยันว่าตนเองได้มีการโอนเงินให้ทาง แบงค์ และ ก้อย ตลอด หากวันไหนตนเองไม่มีก็จะยืมเงินของแม่ตนเพื่อให้โอนไปให้ทั้งคู่ในการช่วยดูแลลูก ไม่มีปมขัดแย้งเรื่องค่าใช้จ่าย ตนโอนเงินให้เขารวมๆ 3 เดือน ก็หมื่นกว่า

 

ขณะที่บรรยากาศที่ วัดไผ่เหลือง (พระอารามหลวง) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ศาลา 4 ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของน้องนาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีเพียงผู้เป็นพ่อและมีในส่วนของเพื่อนพ่อบ้าง รวมไปถึงในส่วนของชาวบ้านในพื้นที่ที่รู้จักกับน้อง ได้เดินทางมาร่วมในพิธี ซึ่งพ่อของน้องไม่ได้มีการรดน้ำศพ เนื่องจากสภาพศพไม่อำนวยแก่การเปิดโลงเเละทำพิธีรดน้ำศพ ก่อนจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพในช่วงเย็นของวันนี้ และฌาปนกิจศพช่วงประมาณ 9 โมงเช้าของพรุ่งนี้.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส