“เทพไท เสนพงศ์” ชี้ 44 สส.ก้าวไกล ไม่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ชี้แจง 4 เงื่อนไขบอก ม.112 ยังแก้ได้
3 กุมภาพันธ์ 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เรื่อง ส.ส. ยื่นแก้ไข ม.112 ได้ ไม่ผิดจริยธรรม ในเพจเฟซบุ๊ก เทพไท – คุยการเมือง ระบุ
ส.ส.ยื่นแก้ไข ม.112ได้ ไม่ผิดจริยธรรม
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่แสดงความคิดเห็น เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แล้วแต่ เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรา 112 จะแก้ไขได้หรือไม่ ไปต่าง ๆนานา มีการแสดงความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งแก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้
ผมจึงขออนุญาตมีส่วนร่วม ในการแสดงความเห็นเรื่องนี้ ในฐานะที่เคยเป็น ส.ส.มาร่วม 20 ปีส่วนตัวผมเห็นว่า การแก้ไขมาตรา 112 สามารถกระทำได้ ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ คือ
1.จะต้องไม่มีการรณรงค์สร้างความขัดแย้ง และความแตกแยกในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจจะบั่นทอน เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
2.พรรคการเมืองจะต้องไม่ระบุ เป็นนโยบายเพื่อใช้ในการหาเสียง ซึ่งเป็นการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง
3.การแก้ไขมาตรา 112 เนื้อหารายละเอียดของการแก้ไข จะต้องไม่บั้นท่อน ลดด้อยไปกว่าเนื้อหาของกฎหมายเดิม
4.การแก้ไขจะต้องทำภายใต้กระบวนการนิติบัญญัติ คือการเสนอการแก้ไขกฎหมายตามขั้นตอน ของข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้นกรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล 44 คน ได้ยื่นแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ ส.ส.ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และได้ใช้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาแก้ไขกฎหมาย ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่โดยตรงของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่สามารถออกกฏหมาย ยกเลิก หรือแก้ไขกฎหมายได้
ส่วนรายละเอียดเนื้อหาของกฎหมาย จะออกมาในลักษณะใดนั้น ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และถ้าหากเห็นว่าเนื้อหาของกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ ก็สามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตีความ ก่อนออกประกาศใช้เป็นกฎหมายได้อีกขั้นตอนหนึ่ง
เพราะฉะนั้นการที่มีการร้องต่อ ปปช.เพื่อให้พิจารณาว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล 44 คน ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สามารถเอาผิดเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงได้