'ร่มธรรม' หวังยกระดับ ทะเลสาบสงขลา สู่ ไทยลากูน เผยพื้นที่มีศักยภาพสูงระดับโลก แต่ขาดยุทธศาสตร์บริหารจัดการเป็นระบบ
วันที่ 8 ก.พ. 67 นาย ร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกวันที่ 2 ก.พ.ของทุกปี หรือสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรงกับวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ในโอกาสนี้ในฐานะตัวแทนของคนพัทลุง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จึงอยากเห็นการพัฒนาพื้นที่ให้เต็มศักยภาพและก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
ทะเลสาบสงขลาเป็นพื้นที่ที่มีระบบสามน้ำคือ จืด เค็ม และกร่อย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากทั้งในระดับประเทศ คือการเป็นไทยลากูน หรือพื้นที่ชุ่มน้ำแบบทะเลสาบเพียงแห่งเดียว และในระดับโลกถูกจัดเป็น 1 ใน 117 แห่งของลุ่มน้ำของโลกเท่านั้น ที่มีลักษณะลากูน
ในนิเวศนี้มี พรุควนขี้เสียน ที่ทะเลน้อย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีการลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของโลก เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของไทย มีควายน้ำเป็นมรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกและเป็นแห่งเดียวในประเทศไทย มีโลมาอิรวดีน้ำจืดเหลืออีก 14-20 ตัวเท่านั้น
แต่ในเอกลักษณ์พิเศษที่สามารถพัฒนาให้เข้มแข็งและยั่งยืนได้ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม กำลังเผชิญปัญหาท้าทายหลายมิติ ในฐานะ สส.พื้นที่ ที่ลงพื้นที่ไปดูทั้งระบบนิเวศ มองเห็นหลายปัญหาในภาพรวมไล่มาตั้งแต่พรุควนเคร็ง ที่กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่จากการใช้งาน และไฟป่าซึ่งส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ พื้นที่ตอนกลางคือทะเลหลวงที่เผชิญกับการตื้นเขินเร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงปกติที่ต้องใช้เวลาหลายร้อยปี และการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับพื้นที่ตอนล่างก็มีปัญหาลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นของความไม่เข้าใจระบบสามน้ำ ซึ่งอาจมาจากแนวคิดในช่วงหนึ่งที่ต้องการแก้ปัญหาน้ำเค็มรุกน้ำจืดทำให้มีการสร้างพนังกั้นน้ำ แต่กลับนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวงจรของระบบนิเวศทั้งระบบ ถือเป็นผลกระทบในอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน
ปัญหาของไทยลากูนหรือพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาจึงใหญ่ และกินพื้นที่กว้าง มีประชาชนโดยรอบมากมาย และหนึ่งในปัญหาสำคัญก็คือการมีหน่วยงานค่อนข้างมากที่ทำงานไม่บูรณาการกัน รวมถึงขาดบทบาทของภาคประชาชนในพื้นที่ในโครงสร้างการจัดการลุ่มน้ำ ตนจึงเสนอตั้งญัตติเพื่อตั้ง อนุ กมธ.ศึกษาการพัฒนาทะเลสาบสงขลาอย่างยั่งยืน ขณะนี้ศึกษาเสร็จแล้ว เตรียมเสนอต่อสภาฯ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลต่อไป