เจ๊ไฝเดือด! ชายอ้างเป็นสารวัตร ไม่ต่อคิว สั่งกะเพราเนื้อ ไข่เจียวปูกลับบ้าน แล้วชักดาบ

เจ๊ไฝ เดือดถูกลูกค้าอ้างเป็นตำรวจยศสารวัตร ลัดคิว เชิดค่ากะเพราเนื้อ - ไข่เจียวปู บอกเป็นภัยสังคม ทุกคนควรระวัง ชี้อยากเตือนภัยไม่ได้ต้องการค่าเสียหาย

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เจ๊ไฝ - สุภิญญา จันสุตะ หรือ เจ๊ไฝ ประตูผี ร้านอาหารชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ ซึ่งมีคนมีชื่อเสียงต่างแวะเวียนมาอย่างต่อเนื่อง ได้โพสต์ข้อความผ่านไอจีสตอรี่ @jayfaibangkok ว่า "วันนี้มีลูกค้าไม่ยอมต่อคิว อ้างตัวเป็นสารวัตรนอกเครื่องแบบ กำลังอยู่ในหน้าที่ขอโต๊ะเลย ทานข้าว สั่งห่อ แล้วไม่จ่ายเงิน "

ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปที่ร้านเจ๊ไฝ ไปถึงประมาณ 5 โมงเย็นพบว่า มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่อคิวยาวหน้าร้าน ขณะที่ในร้านมีลูกค้านั่งเต็มทุกโต๊ะ ส่วนเจ๊ไฝ ประจำการอยู่หน้าเตา ทำอาหารมือเป็นระวิง

ขณะที่ต่อมาหลังจากทำออเดอร์สุดท้ายเสร็จ เจ๊ไฝ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระบุว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีลูกค้าเป็นผู้ชายเข้ามาในร้าน อ้างตัวเป็นตำรวจยศสารวัตร ขอลัดคิวเพื่อรับประทานอาหาร ซึ่งลูกสาวตัวเองก็ได้หาโต๊ะให้ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้สั่งอาหารเป็นกะเพราเนื้อรสจัด 1 จาน ทานที่ร้าน แล้วต่อมาได้สั่งไข่เจียวปู อาหารจานเด็ดของร้าน กลับบ้านอีก 1 ที่ ซึ่งตัวเองก็ได้ทำให้ แต่จู่ๆ ก็พบว่าชายคนดังกล่าวได้หายออกจากร้านไป โดยไม่ได้จ่ายเงินค่าอาหาร

เจ๊ไฝบอกว่าหลังเกิดเหตุ ตัวเองได้นำมาโพสต์ลงใน IG โดยมีจุดประสงค์เพื่อเตือนภัย ให้ร้านอาหารต่างๆ ระวังตัว เพราะปัจจุบันมิจฉาชีพมาในทุกรูปแบบ ขณะที่ตัวเองก็เชื่อว่า ชายที่เข้ามาก่อเหตุในร้าน ไม่ใช่ตำรวจจริง แต่แอบอ้าง และมีเจตนาเข้ามาก่อเหตุเชิดค่าอาหาร ซึ่งตัวเองก็ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้ว

เจ๊ไฝบอกว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในร้านของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามารับประทานอาหารแล้วมีเงินไม่พอจ่ายค่าอาหารมากกว่า ถ้าหากเป็นจำนวนเงินมากๆ ก็จะใช้วิธีการติดต่อไปทางโรงแรมที่พัก ให้ช่วยมาเคลียร์ค่าอาหารให้ แต่ถ้าหากจำนวนเงินไม่มาก ตัวเองก็จะเก็บเงินเท่าที่ลูกค้ามี

เจ๊ไฝมองว่าพฤติกรรมของชายคนนี้ ถือเป็นภัยอย่างยิ่ง เพราะแอบอ้างตัวเป็นตำรวจ และมีเจตนาที่จะเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งหลังจากนี้ตัวเองจะติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในร้าน เผื่อว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ก็จะใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีได้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองเพียงโพสต์เตือนภัย โดยไม่ได้ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ก่อเหตุ