แฮปปี้! อาจารย์สักยันต์ ตามหาแม่จนเจอ หลังพลัดพรากนาน 40 ปี

2 มี.ค. 67

 

อาจารย์หนึ่ง สักยันต์ เผยวินาทีรอคอย 40 ปีได้เจอหน้าแม่ หลังเข้าใจผิดคิดว่าตาย ถึงขั้นทำบุญเอ่ยชื่อตลอด ด้านพ่อไม่ติดใจหากกลับมาใช้ชีวิตคู่กัน  

จากกรณีที่ อาจารย์สักยันต์ชื่อดังในภาคใต้ ตามหาแม่บังเกิดเกล้า หลังจากแม่แยกทางกับพ่อขณะอายุได้ 4 ขวบ ไม่ได้เห็นหน้า พลัดพรากมานานกว่า 40 ปี คุณพ่อบอกว่า แม่ตายเป็น โรคมะเร็ง เมื่อ 30 ปีที่แล้ว 

เพราะตอนนั้นพ่อทราบข่าวว่า "คนชื่อปู" น้องสาวของแม่ตาย แต่พ่อเข้าใจผิดคิดว่าแม่ตาย จึงได้แต่ทำบุญให้แม่มาโดยตลอด ส่วนแม่ก็ตกระกำลำบากอยู่ที่ อ.บางปู จ.สมุทรปราการ จนได้มาเจอลูกเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา ท่ามกลางความดีใจของทุกคน 

โดย อาจารย์หนึ่ง สักยันต์ หรือ นายณัฐพงษ์ เพ็ชรธนู อายุ 44 ปี เจ้าของสำนักสักยันต์ชื่อดัง เล่าถึงเรื่องราวสุดแฮปปี้ในชีวิต หลังได้เจอแม่แท้ๆ ที่พลัดพรากมานานกว่า 40 ปีว่า ก่อนหน้านี้ตก็ใช้ชีวิตกับพ่อที่เป็นอดีตทหารผ่านศึก มากระทั่งตอนนี้ 44 ปี ย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้เท่าที่จำความได้ แม่ของตนได้แยกทางกับพ่อของตน ตอนอายุได้ 4 ขวบ ตอนนั้นก็เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ ตนไม่ทราบ ทราบแค่ว่าพ่อกับแม่เจอกันตอนที่ไปเป็นทหารที่บางปู หลังจากนั้นได้เจอกันและสร้างครอบครัวกัน เมื่อทั้งคู่เเยกทางกัน ผ่านไปได้ไม่นาน หลังจากนั้นรู้ว่าพ่อกับย่าได้เดินทางไปตามแม่ที่ จ.สมุทรปราการ  จนกระทั่งพ่อและย่าทราบว่าคุณแม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปแล้ว ตามคำบอกเล่าของคุณยาย 

หลังจากนั้นก็เข้าใจมาโดยตลอดว่า แม่ของตนได้เสียชีวิตไปแล้วตามคำบอกเล่าของพ่อ และย่า ก็ไม่ได้พยายามหาข้อเท็จจริง เพราะด้วยที่เราเองยังเด็ก และไม่ได้มีโอกาสเดินทางไปตามหาแม่ด้วยตัวเอง ตนก็เข้าใจว่าคุณพ่อเองคงพูดเรื่องจริง คงไม่มีเหตุผลที่จะโกหก ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี ที่ผ่านมา ตนเองรวมถึงพ่อและคนในครอบครัวก็มักจะทำบุญ รวมไปถึงมีการถวายสังฆทาน เอ่ยชื่อถึงแม่มาโดยตลอดเพราะตามที่ความเข้าใจคือท่านเองได้เสียชีวิตไปแล้ว 

กระทั่งช่วงต้นปีที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางไปที่ประเทศจีน เพื่อทำการสักยันต์ลงนะหน้าทอง และทำพิธีครอบครูให้กับลูกศิษย์ที่ต่างประเทศ  ภายหลังที่เดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.67 หลังจากนั้นตนก็ได้มีการเสิร์ชชื่อในกูเกิ้ล เพื่อดูกระแสตอบรับจากงานที่ไปร่วมทำ ปรากฏว่ากลับมีชื่อของบุคคลหนึ่ง ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับตน แต่ตนไม่รู้จัก ด้วยความสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร เลยมีการไปถามกับทางครอบครัว ตอนแรกทางคุณพ่อก็บอกว่าอาจจะเป็นเมียอีกคนของท่าน สมัยตอนที่ไปเป็นทหารในพื้นที่ กทม. แต่ตนก็คิดว่าพ่อพูดเล่น เลยให้ทางลูกศิษย์ที่อยู่ในพื้นที่ได้มีการตรวจสอบ กระทั่งทราบชื่อและนามสกุลรวมถึงพิกัดว่าอยู่ในบริเวณพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ตนเลยได้มีการสอบถามกับทางพ่ออีกครั้ง ซึ่งเขาก็ระบุว่าในส่วนบริเวณหรือพิกัดที่ได้รับข้อมูลมาก็จะเป็นที่อยู่ของแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว 

ด้วยความสงสัยเลยตัดสินใจหาเบอร์โทรก่อนจะมีการโทรไปสอบถามจึงทำให้ทราบว่าแท้จริงแล้วแม่ของตนยังมีชีวิตอยู่ ตนเลยพยายามติดต่อผ่านทางน้าที่เป็นน้องของแม่ รวมถึงลูกศิษย์ที่อยู่ในพื้นที่ จนทำให้ตนได้มีโอกาสวิดีโอคอลพูดคุยกับแม่เป็นครั้งแรก ซึ่งทั้งตนและแม่ต่างรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสเจอหน้ากัน และได้กลับมาพูดคุย  ยอมรับว่าตอนพูดคุย ตนมีแต่ความดีใจและความรักที่ตนสัมผัสจากแม่ได้  ตนไม่ได้รู้สึกแปลก หรือมีการตั้งคำถามว่าทำไมแม่ทิ้งไปหรือท่านไปไหน  

แต่กลับมีความรู้สึกที่ดี และเห็นว่าแววตาท่านก็มีความคิดถึงเรา ยิ่งพอได้ทราบว่าตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ท่านเองได้แยกทางกับพ่อ ยังคิดถึงและยังคงใช้นามสกุลของพ่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเซ็นใบหย่า รวมถึงท่านเองก็ไม่ได้มีครอบครัว หรือแต่งงานใหม่ เนื่องจากเหตุผลที่ต้องแยกทางกับพ่อ ตอนนั้นอาจจะมาจากที่ท่านต้องกลับมาดูแลแม่ของท่านเอง หรือคุณยายของตน ประจวบกับสมัยวัยรุ่นพ่อกับแม่อาจจะมีงอน เลยทำให้ไม่ได้คุยกัน และยิ่งทำให้ตนเป็นห่วงมากขึ้นเมื่อทราบว่าตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี ท่านเองต้องดูแลคุณยายที่ป่วย ท่ามกลางความลำบากที่ต้องยืมเงินนอกระบบมาเป็นจำนวนกว่า 20,000 บาท โดยที่ขายปลาหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยสามารถหาเงินมาปลดหนี้ได้ 

ตนเลยรีบโอนเงินเพื่อช่วยท่านในการปลดหนี้ และพร้อมเดินทางขึ้นไปเยี่ยมท่านในช่วงวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อไปเห็นชีวิตจริงยิ่งทำให้ทราบว่าท่านลำบากมาก และได้ทราบความจริฃว่าที่ผ่านมาที่ย่ากับพ่อของตนบอกว่าแม่เสียชีวิตแล้วนั้น เพราะเข้าใจผิดตอนทีีไปถามหาสลับชื่อกับน้องสาวของแม่อีกคนที่เสียชีวิต เพราะโรคมะเร็ง  

หลังจากนั้นตนก็ได้พาแม่บินกลับมาหาพ่อของตนที่อยู่ในพื้นที่หาดใหญ่ ทั้งคู่เองได้มีการปรับความเข้าใจ และเคลียร์ปมปัญหาในอดีตที่เข้าใจผิดกันมาตลอด ในส่วนพ่อตน ก็รู้สึกดีใจ สิ่งที่แปลกคือตนไม่เคยเห็นรอยยิ้มพ่อแบบนี้มานานแล้ว เชื่อว่าท่านเองก็รู้สึกดีที่ได้เจอหน้าภรรยาของเขาอีกครั้ง หลังจากที่เข้าใจผิดมาตลอดระยะเวลา 40 ปี ตนคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่ทางพ่อของตนจะกลับมาอยู่เป็นครอบครัวกับแม่อีกครั้ง และเชื่อว่าคงเป็นความสุขของท่านในบั้นปลายชีวิต เพราะตอนนี้พ่อของตนก็ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ในช่วงของการรักษา คิดว่าการที่ท่านได้อยู่กับคนรักในอดีตหรือเป็นอีกหนึ่งความสุข ลบล้างความคิดที่น้อยเนื้อต่ำใจว่าเราคือเด็กกำพร้า 

ส่วนตนไม่ต้องถามเพราะเป็นสิ่งที่ตนถามหามาตลอดชีวิต จนวันนี้รู้สึกดีใจ และไม่มีข้อกังขาว่าที่ผ่านมาแม่หายไปไหน  สิ่งที่ตนเคยอยากรู้สึกเหมือนครอบครัวคนอื่นที่เขามีแม่มันเป็นยังไง วันนี้คุณได้คำตอบแล้วว่าการที่ตนมีแม่ และมีคนที่ตนได้เรียกเขาว่าแม่ มันถือเป็นหนึ่งความสุขที่สัมผัสได้ หลังจากนี้ตนเองก็จะรอเวลาที่แม่ได้กลับมาอยู่กับตนและพ่อ รวมถึงหลานๆ อย่างพร้อมหน้า เชื่อว่าส่วนหนึ่งที่ตนเองได้มีโอกาสเจอแม่หลังจากที่พลัดพรากไปนานกว่า 40 ปี เป็นเพราะตนทำบุญ และช่วยเหลือคนอื่นทำให้ผลบุญและสิ่งที่ที่ตนทำ เกื้อหนุนให้ตนได้เจอหน้าแม่

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส