สว.อุปกิต โวยกลางเวทีซักฟอกรัฐบาล ถูกพรรคล้มล้าง กลั่นแกล้งใส่ร้ายเป็น สว.ทรงเอ ปั่นกระแสหาเสียงเลือกตั้ง โชคดีพรรคนั้นไม่ได้เป็นรัฐบาล
วันที่ 25 มี.ค.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม ในการอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สว. อภิปรายว่า วันนี้ตนลุกขึ้นมาอภิปราย ในฐานะที่ตกเป็นเหยื่อของความยุติธรรมของคนบางกลุ่มที่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งทำลายผู้อื่น การบังคับใช้กฎหมายที่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชัดเจน และไม่มีความจริงจังในการแก้ปัญหา การทุจริตที่ชั่วร้ายที่สุดคือการฉ้อฉลกระบวนการยุติธรรม
เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ที่ตนและครอบครัวตกเป็นเหยื่อของนักการเมือง และพรรคการเมือง ซึ่งเล่นการเมืองหวังเพียงช่วงชิงอำนาจรัฐ โดยอ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่นำเสนอนโยบายล้มล้างโครงสร้างทุกอย่างในสังคมไทย เพื่อหวังคะแนนเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ตนจึงขอตั้งคำถามว่าประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร สังคมตั้งคำถามถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีอาญา คุกไม่ได้มีไว้ขังคนที่กระทำผิดอย่างเดียว มีการเลือกปฏิบัติทางกฎหมาย ตำรวจ อัยการอาวุโสบางกลุ่มร่วมกันใส่ร้ายป้ายสีคนบริสุทธิ์ กลั่นแกล้งประชาชนอย่างไร้ความอาย ไร้คุณธรรม
นายอุปกิต อภิปรายต่อว่า บ้านเมืองของเราหลายปีที่ผ่านมานี้มีความผิดปกติ พรรคการเมืองที่มีนโยบายล้มล้าง ทำทุกวิถีทางกัดเซาะเสาหลักของประเทศ ที่ผ่านมาตนพูดถึงทฤษฎีสมคบคิด ทำให้ตนถูกกล่าวหาว่าเป็น สว.ทรงเอ คือสมาชิกวุฒิสภาทรงเอเยนต์ขายยาเสพติด ครอบครัวตนได้รับผลกระทบ และความเดือดร้อนอย่างทุกข์สาหัสจากการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม หากใครไม่มีประสบการณ์ด้วยตนเองคงยากที่จะรู้ซึ้ง
นายอุปกิต อภิปรายอีกว่า ทั้งนี้ตนไม่ปฏิเสธว่าเคยรู้จักกับทุนมินลัด และเคยทำธุรกิจร่วมกัน แต่เป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ความสัมพันธ์ของตนกับทุนมินลัดเป็นเรื่องที่สื่อต่อต้านรัฐบาลเมียนมาสามารถนำมาใส่สีตีไข่ สร้างเฟคนิวส์โจมตีรัฐบาลเมียนมาได้เป็นอย่างดี บางสื่อมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย และมีความสัมพันธ์กับสื่อไทยบางสำนัก แถมโจมตีรัฐบาลและพรรคการเมืองบางพรรคแบบสมคบคิด ปั่นกระแสต่างๆ เพื่อสนองต่อตนเอง ตนเชื่อว่าข้อมูลที่นำมาอภิปรายกล่าวหาตนทั้งในและนอกสภาฯ มีวาระทางการเมืองซ่อนเร้นอยู่แน่นอน เพื่อทำลายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลชุดที่แล้ว กล่าวหาตน เพื่อนำไปใช้เป็นประเด็นหาเสียงเลือกตั้ง
แต่โชคดีของประเทศไทยที่พรรคการเมืองนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะขนาดเป็นฝ่ายค้าน ธาตุแท้ความจอมปลอมก็ค่อยๆ โผล่ออกมาให้ประชาชนเห็น เช่น ตั๋วช้าง แต่เวลาตัวเองมีตั๋วปารีส เวลาถูกถามไม่เคยตอบชัดๆ กลับไม่อธิบายให้ประชาชนได้รับทราบ สังคมแบบไหนที่ปล่อยให้คนสร้างภาพ แอบอ้างอุดมการณ์ แอบอ้างการปกครองสิทธิเสรีภาพ แอบอ้างผลประโยชน์ของประชาชนเข้ามามีบทบาทในสังคมการเมือง