“จักรภพ” เปิดใจครั้งแรกหลังกลับไทยในรอบ 15 ปี รับพูดคุย “ทักษิณ” แต่ไม่มีดีลแลกเปลี่ยน ย้ำกลับมาช่วยประเทศ ยันไม่สร้างความขัดแย้ง อาสาเป็นหนูทดลองยา พร้อมประสานผูัลี้ภัย บอกไม่มีปัญญาช่วย “ยิ่งลักษณ์ ” ขอเป็นระดับต้นไม้ในกระถางก็พอ
เวลา 13.00 น. นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายกรัฐ ได้เดินทางลงมาด้านล่างกองบังคับการปราบปราม หลังเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
โดยนายจักรภพ ได้เคารพพระบรมฉายาลักษณ์จากนั้นให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชน วันนี้ตนได้กลับมาจากต่างประเทศมามอบตัว เพื่อสู้คดีที่เหลือเหลืออยู่ 2 คดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาวุธ ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศาลอาญากรุงเทพซึ่งก่อนหน้าที่จะมา ได้ประสานกับทางทนายความ รวมถึงทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สิ่งที่ตนชื่นชมและประทับใจกับทางเจ้าหน้าที่คือการอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไปอย่างครบถ้วน ซึ่งทำให้รู้สึกและตอบคำถามได้อย่างมั่นใจในการสู้คดี แต่ยอมรับว่าเคยพูดว่าไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ยึดอำนาจปี 2549 ซึ่งสิ่งที่คิดสิ่งที่พูดมาจากความจริงใจไม่มีอะไรที่ต้องย้อนไปแก้ไข ยกเว้นในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ที่ได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป และการเมืองในภาพใหญ่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะระบอบประชาธิปไตยได้รับอนุญาตให้เจริญเติบโตขึ้น อย่างระมัดระวัง
ส่วนเรื่องดีลนั้น ฟังเหมือนไม่ค่อยดี แต่ถึงขนาดนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการพูดคุย และยอมรับว่ามีการพูดคุยจริงแต่ไม่ใช่มีการนำสิ่งต่าง ๆ มาแลกกัน แต่เป็นการพูดว่าถึงเวลาหรือยังที่จะหาจุดร่วมแทนที่จะหาจุดต่าง เราทะเลาะกันมา 10 กว่าปีเสียเวลาไปมาก แต่ที่สำคัญเพราะการเมืองในภาพใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้สามารถพูดคุยกันได้
ส่วนเรื่องแนวคิด ตนออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ปี 2552 รวมทั้งสิ้น15 ปี เสียดายเวลาที่รับใช้ประเทศชาติ จากนี้ไปตั้งใจว่าอะไรที่ทำได้จะทำการเมืองเป็นวิถีทางหนึ่ง การทำงานด้านการต่างประเทศในบทบาทต่าง ๆ ตนก็จะรับทำต่อ ฉะนั้นเมื่อพ้นจากเรื่องคดีแล้ว จะขอทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติในช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิต
สำหรับบทบาททางการเมืองนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ที่ตนเขียนระบุว่ากลับมารับใช้ประเทศชาติไม่ว่าจะเป็นในบทบาทใดก็ตาม การเมืองเป็นหนึ่งในนั้น แต่ที่แน่นอนคือไม่ได้คิดเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือมาสร้างความวุ่นวาย แต่เราต้องการสร้างบทบาทเล็ก ๆ ที่เป็นการเสริม การสร้าง ก็เข้ามาหากการเมือง หากเป็นเรื่องสื่อก็ต้องดู มีพื้นที่หรือคนโบราณอยู่หรือไม่ หากต้องการก็สามารถเข้ามาเสริมได้
“ที่ผ่านมารู้สึกว่านานเพราะคิดถึงประเทศไทย รวมถึงนานเพราะพ่อกับแม่ก็เสียชีวิตในช่วงที่ตนไม่อยู่ และคนที่ทำงานร่วมกับตนก็ไม่ได้มีโอกาสทำงานทางการเมืองต่อ แต่ส่วนตัวไม่ว่าจะกี่ปีก็รอได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องโอกาสที่เสียไปก็เสียดาย“ นายจักรภพ กล่าว
ก่อนที่จะกลับมามีการพูดคุยกันมีการปรึกษาส่วนไหนบ้าง นายจักรภพ กล่าวว่า มีการพูดกันในภาพรวมว่าประเทศไทยเราอยู่ในสภาพอย่างไร ขณะนี้ไม่มีใครในประเทศไทยที่ไม่ได้รับผลกระทบ และก่อนเดินทางเข้ามาหาตนทราบว่าจะต้องถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อสู้คดีรวมถึงคดีความหมดคดีสั่งไม่ฟ้อง หรือยกฟ้องบ้าง เช่น คดี 112 มีการสั่งไม่ฟ้อง เหตุที่ตนไม่ได้พูดอะไรตอนนั้น เพราะบรรยากาศรวมยังไม่พร้อม
ยอมรับว่าก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยได้มีการพูดคุยกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยผ่านการโทรศัพท์พูดคุย พร้อมได้สอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง และบรรยากาศรวมเป็นอย่างไร แต่เรารู้ดีว่าต่างคนต่างต่างทำการบ้านในเรื่องคดีความ เพราะถึงแม้เป็นคดีการเมืองเหมือนกันแต่เป็นคนละคดีไม่มีใครเลียนแบบใครได้พร้อมย้ำว่ามีการพูดคุยกันแต่ไม่ได้มีการปรึกษากัน และแน่นอนว่าจะต้องมีการเข้าพบกับนายทักษิณ แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะเข้าพบเมื่อไหร่ เมื่อกลับไทยมาก็รู้สึกคิดถึงอยากแวะเข้าไปหาว่ามีความสุขดีหรือไม่ ส่วนตอนที่มีการคุยโทรศัพท์กัน นายทักษิณ ได้พูดคำสำคัญว่า ยุคนี้หลายอย่างเปลี่ยนไปและหลายอย่างดีขึ้น
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีแกนนำคนเสื้อแดงเดินทางกลับประเทศไทยอีกหรือไม่ นายจักรภพ ระบุว่า ตนอยากเสนอตัวเป็นคนช่วยเหลือสำหรับคนที่อยากกลับมาประเทศไทยและสามารถกลับมาได้เพราะเรื่องคดีความ เช่น นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีการประเมินจากเรื่องคดีไม่ใช่การเลือกที่รักมักที่ชัง โดยการช่วยเหลือคือการให้ความมั่นใจว่าเมื่อเราเข้ามาแล้วมาเป็นหนูทดลองยาแล้วผลเป็นอย่างไร ต้องมีการทำการบ้านเรื่องคดีและต่อสู้เรื่องข้อกฎหมาย
ส่วนจะช่วยเหลือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่นั้น นายจักรภพ ระบุว่า เท่าที่ทราบนางสาวยิ่งลักษณ์เหลือคดีเรื่องจำนำข้าว และ คิดว่าคงอยากกลับบ้านเหมือนทุกคน แต่ตนคงไม่มีสติปัญญา ไปช่วยอะไรคนระดับขนาดนั้น เพราะเขาใหญ่เกินไป ขอเป็นระดับต้นไม้ในกระถางก็พอ โดยตนจะช่วยเฉพาะคนที่ช่วยได้เท่านั้น ส่วนที่กลับมาครั้งนี้ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่การเกิดขึ้นโดยพรรคเพื่อเป็นแกนมีความมั่นใจว่าบรรยากาศเดินทางไปในแนวทางที่ดีขึ้น
สำหรับการอาศัยในต่างประเทศนั้น ในแง่ความลำบากกายไม่เท่าไหร่แต่ลำบากใจเยอะ และตอนนี้อยู่ในประเทศที่เข้าใจ เห็นใจการต่อสู้ เราจึงต้องอยู่อย่างมารยาท ไม่ทำให้เขาอึดอัด หรือเขาต้องเดือดร้อนในภายหลัง ซึ่งตนเดินทางไปอยู่หลายประเทศประมาณ 5 ประเทศ บางประเทศอยู่นานเป็น 10 ปีก็มี พร้อมระบุว่า ตอนนี้ไม่มีคนในรัฐบาลฝ่ายไหนติดต่อมา และเราคงจะไม่ติดต่อด้วยเช่นกัน เนื่องจากเราอยากให้เขาสบายใจ หากกลับมาช่วยชาติไม่ควรไปสร้างปัญหาเพิ่ม และตนต้องรอเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ระหว่างนี้ก็ทำการบ้านตัวเอง เพราะขนาดกรุงเทพฯ ยังเดินไม่ถูกเลย โดยหลังจากนี้อันดับแรกจะขอกราบพ่อกับแม่ ซึ่งเรื่องของแม่ยังไม่ได้ฌาปนกิจ ยังเก็บอยู่ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน แล้วจะเดินทางต่อไปที่ศาลหลักเมือง
นายจักรภพ อยากให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขยันมาก ไม่ค่อยพบว่ามีคนลุยทำงานขนาดนี้ แล้วค่อยมาสรุปกันว่าดีหรือไม่ ถ้าเราทำเรื่องหนึ่งท้อถอยเรื่องหนึ่งก็คงไม่ได้ทำอะไร แน่นอนว่าท่านมีข้อเด่นสำคัญ คือการบริหารงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านโครงการ สามารถบริหารทีเดียว 10- 20 โครงการได้
ด้ารทนายความ ระบุว่า นายจักรภพ ได้รับการประกันตัวเรียบร้อย โดยไม่มีเงื่อนไข มีวางหลักทรัพย์ประกันตัว คดีละ 200,000 บาท และวันนี้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน โดยหลังจากนี้มีนัดวันที่ 22 และ 23 เมษายน 2567 จะต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง