“สุทิน” ย้อนเจ็บ “วิโรจน์” อภิปรายฉายหนังม้วนเก่า ไร้ประเด็นใหม่ เย้ยอวดคุณภาพคับแก้ว แต่ไม่สมราคาคุย
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงหลังนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการกู้เรือสุโขทัยของกองทัพเรือ ว่า เท่าที่ฟังเป็นการกล่าวหาส่วนใหญ่ ซึ่งตนก็จะเก็บส่วนที่เป็นประโยชน์ แม้จะเป็นคำกล่าวหา ก็น่าจะมีมุมที่เป็นประโยชน์ปรับปรุงการปฏิบัติงานได้ สส.พรรคก้าวไกล 3 คนที่อภิปรายเกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีการจั่วหัวว่าหลอกลวงและตบตาประชาชน แต่จริงๆจากการฟังวันนี้แล้วคนที่หลอกลวงประชาชนคือนายวิโรจน์ เพราะได้ไปโฆษณาไว้ว่าจะอธิบายวันนี้เหมือนจะคุณภาพคับแก้ว ส่วนให้คนฟังอภิปราย แต่พอเอาเข้าจริงก็เป็นเรื่องเก่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านเคยพูดและตนเคยตอบแล้ว และเรื่องกว่า 90% เป็นเรื่องที่เกิดในรัฐบาลก่อน เป็นพฤติกรรมสะสมหมักหมม และเป็นกรณีที่ตนและนายวิโรจน์ เคยต่อว่ากองทัพมา พร้อมยังว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลเก่า และท่านก็พูดไปพูดมาเหมือนกับว่าเรื่องเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ พร้อมกับพูดว่า 6-7 เดือนที่ผ่านมาตนไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งตรงนี้ทำให้ชาวบ้านผิดหวัง
ขณะที่การเกณฑ์ทหาร นายสุทิน ระบุว่า วันนี้ ได้มีการเปิดรับผู้สมัครใจเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารกองประจำการ เพื่อที่จะปรับลดสัดส่วน เพื่อนำไปสู่การลดและเลิกการเกณฑ์ทหาร จึงคิดว่าวิถีที่ถูกต้องคือการช่วยกันคือการช่วยกันรณรงค์ ให้มาสมัครเป็นทหาร ตามที่นายวิโรจน์ ได้อภิปรายไว้ เด็กที่อยู่ในวัยนี้ ควรให้ใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาทักษะชีวิต สร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่จะต้องปลูกฝัง อย่าลืมเรื่องของความมั่นคงด้วย โดยเราไม่บังคับ แต่อย่างน้อยอย่าตัดขาด ยึดโยงกับกองทัพและความมั่นคง ตนจึงทำทุกอย่างเพื่อรณรงค์ ให้มาสมัครเป็นทหาร โดยในช่วง 2 ปี มีการฝึกอาชีพ ให้ความรู้ โดยกระทรวงกลาโหมได้มีการเซ็น MOU กับกระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. รวมถึงมหาวิทยาลัยเอกชน คุณวุฒิวิชาชีพ แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ในการทำงาน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า แม้มาเป็นทหารก็ไม่สูญเปล่า ส่วนจะได้มากได้น้อย วันนี้สงครามยังไม่สงบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ซึ่งขณะนี้มีการตรวจเลือกทหาร ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน 2567 แล้วค่อยนับดูว่ามีผู้สมัครใจเท่าใด หากไม่เป็นไปตามเป้าปีหน้าก็จะทำต่อ แต่ขอให้ดีขึ้น
ขณะที่เรือฟริเกตกองทัพเรือมีการตั้งงบจ่ายงวดแรก 1,700 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2567 มีการตั้งงบประมาณ 17,000 ล้านบาท แต่คณะกรรมาธิการ งบประมาณได้มีการตัด จึงทำให้ปี 2567 กองทัพเรือไม่ได้เรือฟริเกต
และต่อไปนี้ ต้องขอบคุณคลิป วิดีโอที่นายวิโรจน์เอามาเปิด คลิปที่ตนเองพูดขอ 3 อย่าง 1.ถ้าจะไปซื้ออาวุธต่อไปนี้ ให้พิจารณาภายในประเทศก่อน 2.ถ้าซื้อไม่ได้ทั้งหมด ให้ซื้อชิ้นส่วนในประเทศ และ 3.ถ้าไม่ได้ทั้งสอง ให้คนมาต่อในประเทศ แล้วถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเรา ซึ่งขอบคุณนายวิโรจน์ ที่เอามาใช้ ว่าผมพูดนโยบายนี้ การซื้ออาวุธต่อไปนี้ประเทศต้องได้ประโยชน์คืนมา แต่ท่านก็มาตำหนิผมว่าขอ เหมือนกับว่าผมหน่อมแน้ม ซึ่งอย่าว่ากันนะ เป็นสำนวนที่เคยสอนเด็กนักเรียน คนก้าวร้าว จะไม่เคยเห็นคุณค่า เข้าใจความนุ่มนวล ซึ่งคำว่าขอของตน นั่นแหละคือคำว่าสั่งการ ไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่เขา ซึ่งการจะไปใช้ผิดที่ มันไม่ได้