เฉลิมชัย ติงคนปล่อยข่าวร่วมรัฐบาล ยันไม่ใช่ประชาธิปัตย์ 100%

6 เม.ย. 67

พรรคประชาธิปัตย์ทำบุญ 3 ศาสนาครบ 78 ปี เฉลิมชัย ติงคนปล่อยข่าวร่วมรัฐบาล มีจังหวะเวลารับลูกกัน ยันไม่ใช่ประชาธิปัตย์ 100% 

วันที่ 6 เม.ย. 67 พรรคประชาธิปัตย์จัดพิธีทำบุญครบรอบ 78 ปี ของการก่อตั้งพรรคดังเช่นทุกปี ซึ่งในช่วงเช้ามีการจัดพิธีทางศาสนาอิสลาม แล้วต่อด้วยพิธีพราหมณ์เพื่อบวงสรวงพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของพรรค จากนั้นจึงเป็นการประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ 

โดยมี นาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค เป็นประธานในพิธี รวมถึงมีแกนนำพรรคคนสำคัญเข้าร่วม อาทิ นายชวน หลีกภัย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายอลงกรณ์ พลบุตร นายนริศ ขำนุรักษ์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ นายราเมศ รัตนะเชวง และ สส. อดีต สส. ตลอดจนสมาชิกพรรค ทั้งจาก กทม.และต่างจังหวัดเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง 

ต่อมานายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์เนื่องในวันทำบุญครบรอบ 78 ปี ของการก่อตั้งพรรคว่า สิ่งที่เห็นแน่ๆ คือแก่ขึ้นอีกปี มีประสบการณ์ขึ้นอีก 1 ปี เราพูดได้เต็มปากว่า เราเป็นสถาบันทางการเมือง และพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องอยู่คู่กับประเทศไทยอีกนาน ดังนั้นพรรคจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน 

วันนี้สิ่งที่เห็นเมื่อเข้ามาในประชาธิปัตย์คือความสดใส และจะเห็นอีกอย่างที่เป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงก็คือ เราตั้งศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการสื่อสาร ซึ่งจะเป็นการเปิดโลกให้กับประชาธิปัตย์ ในแง่ของการสื่อสารถึงพี่น้องประชาชน และการนำเสนอสิ่งต่างๆ สู่สังคม เพราะวันนี้โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เราจึงต้องขับเคลื่อนตามโลกเป็นอันดับแรก 

เมื่อถามว่า มาถึงวันนี้เริ่มเห็นภาพแล้วหรือไม่ว่าจะมีใครกลับมาทำงานกับพรรคบ้าง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรามีการพูดคุยอยู่ตลอด ขอให้รอการประชุมใหญ่ของพรรคในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะมีการแก้ไขข้อบังคับพรรคเพื่อเป็นการเปิดกว้างให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มคนที่ไม่เคยอยู่ประชาธิปัตย์ พร้อมๆ กับสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ว่า วันนี้ประชาธิปัตย์พร้อมก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งการประชุมใหญ่ครั้งนี้เป็นการประชุมตามกฎหมาย ที่ทุกปีจะต้องมีการประชุมใหญ่อย่างน้อย 1 ครั้ง 

“หลักใหญ่ก็คือ สิ่งที่เป็นข้อบังคับ อะไรที่กำกวม ที่ต้องมาตีความ เราก็แก้ไขให้ชัดเจน ปัญหาที่ท้วงติงกันว่าไม่เหมาะสม เราก็พิจารณาแก้ไขให้เหมาะสม” นายเฉลิมชัย กล่าว 

เมื่อถามถึงการที่มีกระแสการปรับ ครม. หลังการอภิปรายทั่วไป และมีข่าวว่าประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องปรับ ครม. ต้องไปถามนายกฯ เพราะอำนาจอยู่ที่ท่าน ส่วนเรื่องของประชาธิปัตย์นั้น ก็ต้องบอกมาให้ชัดเจนว่า ใครไปคุยกับใครที่ไหนอย่างไร ถ้าพูดไม่ชัดเจน ประชาธิปัตย์เสียหาย 

“ท่านก็ต้องบอกมาให้ชัดเจนว่าใครไปคุยกับใครที่ไหน ยังไง ถ้าพูดไม่ชัดเจน ประชาธิปัตย์เสียหาย แล้วประชาธิปัตย์เป็นองค์กร ความเป็นประชาธิปัตย์ มันมากกว่าตำแหน่งของท่าน เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ใช่ก็ต้องอย่าพูด เราก็บอกท่าน และบอกทุกคนว่า การพูดในสิ่งที่ไม่ชัดเจนมันไม่ดีกับทุกฝ่าย ดังนั้นถ้าไม่ทำได้ก็เป็นสิ่งที่ดี” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว 

เมื่อถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีสมาชิกพรรคไปพูดคุย แต่ไม่ได้บอกกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ นายเฉลิมชัย ตอบว่า เรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่ทราบ แต่โดยส่วนตัวของตนยังไม่เคยคุยอะไรกับใครทั้งหมด ประชาธิปัตย์เรามีข้อบังคับ มีหลักเกณฑ์ 

“ผมพูดตลอดว่า นักการเมืองเวลาคุยกันมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ก็อย่าไปตีความเอาว่าเรามีการพูดคุย นี่คือเรื่องปกติจริงๆ แต่หลายๆ คนอาจจะไม่กล้าพูด แต่ผมว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ว่าพรรคอะไรเราเป็นนักการเมืองเราคุยกันได้ทั้งหมด แต่การคุยนั้นขอให้ไปดูที่เนื้อหาสาระสิว่าเราคุยอะไรกัน ผมยืนยันว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้คุยเรื่องร่วมรัฐบาล” นายเฉลิมชัย กล่าว 

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า พรรคมีกระบวนการในการพิจารณามากกว่าการคุยกันแล้วมานั่งตกลงกัน เราต้องมาเข้าสู่กระบวนการของพรรคก่อน ถึงจะพิจารณาได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ใครคิดอะไรก็ทำ ไม่ใช่หรอก ตนมั่นใจว่าข่าวนี้ไม่ใช่ประชาธิปัตย์เป็นคนปล่อย ส่วนจะปล่อยเพื่อดิสเครดิตหรือเปล่านั้น ก็ต้องไปช่วยกันคิดดู ประชาธิปัตย์ก้าวข้ามการเมืองน้ำเน่าอย่างนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าท่านยังก้าวไม่ข้าม ตนว่าประเทศไทยก็เดินหน้ายาก ลองไปคิดดู จังหวะเวลาที่ปล่อยข่าว ที่ข่าวออก จังหวะเวลาที่ออกมาพูดมีการรับลูกกัน ใครควรจะเป็นคนปล่อย แต่ไม่ใช่ประชาธิปัตย์เป็นคนปล่อย 100%

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส