ช็อกตาตั้ง ถ่ายเซลฟี่นั่งดูลิเกในวัด เจอวิญญาณลอยอยู่บนเตาเผา

8 เม.ย. 67

ช็อกตาตั้งจนขนหัวลุก หนุ่มถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนขณะนั่งดูลิเกในงานวัด ผงะพบภาพวิญญาณปริศนาลอยอยู่บนเตาเผาศพ

 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้ยินชาวบ้านในซอยวัดใหญ่บางปลากด ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้วิพากษ์วิจารณ์กันว่ามีประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยว และร่วมทำบุญปิดทองในงานประจำปีวัดใหญ่บางปลากด ได้ถ่ายรูปติดวิญญาณ ในขณะที่นั่งดูลิเกคณะดัง ที่มาทำการแสดงในวัด

ทางผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ติดตามหาข้อมูลถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทราบมาว่าผู้ที่ถ่ายรูปติดวิญญาณเป็นประธานชุมชนแห่งหนึ่ง ก่อนเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายในซอยวัดใหญ่ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านของนายวรวุฒิ แสงอินทร์ อายุ 36 ปี ประธานชุมชน ซึ่งเป็นผู้ที่ถ่ายภาพได้กำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนบ้านถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะนำภาพถ่ายที่ถ่ายได้มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดูถึงความแปลก โดยในภาพเป็นชาย 3 คนนั่งอยู่บริเวณด้านหลังเตาเผาศพของวัด โดยด้านบนของรูปภาพพบเป็นรูปคล้ายคนกำลังยืนท้าวสะเอวอยู่บนเตาเผา ลักษณะรูปร่างใหญ่ศีรษะเกรียน ใบหน้าคล้ายคนสวมหน้ากากอนามัยยืนมองอยู่ และถัดไปด้านหลังยังพบเป็นใบหน้าผู้ชายสูงอายุอีกด้วย

นายวรวุฒิ เล่าให้ฟังว่า รูปดังกล่าวตนเองได้ถ่ายกับมือเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 5 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานประจำปีวันแรกของวัดใหญ่บางปลากด และมีการแสดงของคณะลิเกชื่อดัง ที่ตอนนี้เป็นกระแสทางโซเชียล ทำให้มีประชาชนต่างเดินทางมาดูการแสดงจนล้นวัด ตนได้ชวนเพื่อนรุ่นพี่ไปนั่งดูการแสดงด้วย แต่เห็นว่ามีคนมาดูแน่น จึงชักชวนกันขึ้นไปดูบนเมรุ บริเวณด้านหลังเตาเผา ซึ่งเป็นช่องว่างสำหรับวางสิ่งของที่ใช้ในการเผาศพ และมีโลงแก้ววางอยู่บริเวณด้านหน้า มีระเบียงยื่นออกมา จึงไปนั่งดูกัน โดยมีสัปเหร่อและเด็กวัดนั่งดูร่วมด้วย ในขณะที่ลิเกกำลังแสดง ตนจึงชักชวนเพื่อนรุ่นพี่พร้อมสัปเหร่อและเด็กวัด โดยใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพแบบเซลฟี่ร่วมกันจำนวน 1 ภาพ ก่อนที่จะส่งลงในไลน์กลุ่มเพื่อนๆ ไม่นานนักได้มีเพื่อนในไลน์ทักมาบอกว่าภาพที่ถ่ายมาแปลกไปเห็นด้านหลังรูปบริเวณเตาเผาศพ มีลักษณะคล้ายคนกำลังยืนท้าวสะเอวอยู่บนเตาเผารูปร่างใหญ่ ศีรษะเกรียน ใบหน้าคล้ายคนสวมหน้ากากอนามัยยืนมองอยู่ และถัดไปด้านหลังยังพบเป็นใบหน้าผู้ชายสูงอายุ ทำให้ตนตกใจ ก่อนนำภาพมาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง พบว่าเห็นเป็นแบบเดี่ยวกับเพื่อนในไลน์กลุ่มบอก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขนลุกมาก เพราะไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ดังกล่าว

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดใหญ่บางปลากด ซึ่งภายในวัดยังมีการจัดงานประจำปี ซึ่งวันนี้เป็นคืนที่ 4 ก่อนจะพบกับนายพายัพ แช่มอุษา อายุ 68 ปี สัปเหร่อของวัด พร้อมพาขึ้นไปดูบริเวณหลังเมรุ ซึ่งเป็นที่ที่ประธานชุมชนถ่ายภาพติดวิญญาณได้ก่อนเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งในวันนั้นตนนั่งอยู่ด้วยและได้ร่วมถ่ายภาพกัน โดยก่อนที่จะถ่ายภาพได้นั่งดูลิเกด้วยกัน จังหวะนั้นประธานชุมชนได้หันมาเห็นโลงแก้วที่วางอยู่ด้านหลังเตาเผา จึงสอบถามว่าเป็นโลงใส่ร่างใคร ตนตอบไปว่าเป็นโลงเปล่า ไม่มีศพ แต่เมื่อก่อนนี้เมื่อปี 2539 ได้เคยใส่ร่างพระครูสุตาภิลัต หรือ หลวงพ่อหวัง อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่บางปลากด ก่อนที่จะฌาปนกิจไปเมื่อปี 2540 และล่าสุดในปี 2554 ได้ใส่ร่างพระครูสมุทรวีราภรณ์ หรือ อาจารย์หลงอดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่บางปลากด อีกรูปหนึ่ง จนกระทั่งฌาปนกิจไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว จึงเก็บโลงศพเปล่าไว้และบนฝาโลงยังมีห่อผ้าขาว ภายในมีเศษอัฐิเศษกระดูกของชาวบ้าน ที่นำมาฝากวัดไว้วางอยู่อีก 4-5 ห่อ

เมื่อคุยเสร็จแล้วทางประธานชุมชนจึงชักชวนถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนที่จะส่งลงไลน์กลุ่ม กระทั่งมีคนมาเห็นภาพดังกล่าว ตนคิดว่าวิญญาณในภาพ น่าจะเป็นอดีตเจ้าอาวาสแน่ เพราะท่านเป็นคนชื่นชอบดูลิเกเป็นอย่างมาก ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านจะชอบมานั่งบริเวณนี้ดูลิเกอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใบหน้าผู้สูงอายุคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณชาวบ้านที่มาเผาศพและน่าจะชอบดูลิเกด้วย จึงมาปรากฏให้เห็นในภาพดังกล่าว และเหตุการณ์แบบนี้ยังเคยเกิดขึ้นภายในวัดมาแล้วหลายครั้ง โดยในช่วงงานประจำปี 2558 เคยมีประชาชนที่มาท่องเที่ยวในวัดได้ถ่ายภาพติดเป็นภาพเปรตยืนอยู่ในร้านหมูกระทะภายในงานวัด และเคยเป็นข่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง และเมื่อช่วงโรคโควิค-19 ระบาดอย่างหนัก ซึ่งทางวัดได้เปิดบริการเผาร่างผู้ติดเชื้อมามากกว่า 200 ศพจนโรคดังกล่าวได้ลดระดับลง ทางทีมงานที่เก็บร่างผู้ติดเชื้อได้ร่วมกันทำบุญอุทิศให้กับผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อ พร้อมจ้างภาพยนตร์มาฉายให้ดูบริเวณด้านหลังเมรุ มีคนในทีมงาน 2-3 คนต่างเห็นว่าบนเมรุและขอบระเบียงมีคนทั้งชายและหญิงมานั่งห้อยขา และยืนดูเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อกับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยส่วนตัวตนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะตนยังเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส