โอละพ่อ! ยายฉวี แจงยิบ ยอมรับความจริงหนังคนละม้วน ติดหนี้ป้าเงาะ เจ้าของห้องเช่าจริง แต่ไม่คิดลักเล็กขโมยน้อย เป็นหนี้ต้องชดใช้ บุญคุณต้องทดแทน
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ยายฉวี อายุ 70 ปี กระเตงหลาน 4 คนออกมานอนข้างถนน เพราะถูกไล่ออกจากห้องเช่า ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี จนต่อมาฟากเจ้าของห้องเช่าขอชี้แจงว่า ความจริงหนังคนละม้วน วีรกรรมยาวพรืด แน่จริงให้แจ้งความแล้วมาสู้คดีกัน
ต่อมาวันที่ 31 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปหายายฉวี พบว่าอยู่ภายในบ้านเช่ากับหลาน เมื่อนักข่าวเรียกแต่ยายฉวี พยายามบ่ายเบี่ยงว่าไม่สะดวก เพราะเพิ่งไปถอนฟันมา รู้สึกไม่สบาย แต่เมื่อผู้สื่อข่าวได้โชว์คลิปของหมา ชื่อไข่เจียวให้ยายฉวีดู ยายรู้สึกตกใจ พร้อมเดินเข้ามาดูคลิปไข่เจียวที่ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายไว้ พร้อมกับน้ำตาซึม และบอกว่าไปตามหาไม่เจอ
และไปถามกับลุงปูที่ฝากเลี้ยงไว้ ก็บอกว่าไม่รู้ว่าหมาหนีไปไหน ตนคิดว่าคงจะเตลิดไปแล้ว รักและคิดถึงหมา จนกระทั่งมาเห็นคลิปว่ายังอยู่ที่เดิม ก็พร้อมก็จะเดินทางไปรับ และกล่าวว่าอดีตที่ผ่านมาช่วงที่แม่ไข่เจียวจะคลอด ตอนนั้นไม่สามารถคลอดได้ปกติ เพราะว่าแม่หมาตัวเล็ก หมอเรียกค่าผ่า 6,000 บาท แม้ตนไม่มีเงินก็หามาให้เพื่อให้หมารอด
พร้อมกับให้เหตุผลถึงเรื่องที่ถูกไล่ออกจากห้องเช่าว่า ทางเจ้าของห้องไม่ได้ไล่โดยตรง แต่เอาของมาไว้ข้างนอกก็เหมือนไล่ออกทางอ้อม เรื่องที่เป็นประเด็นช่วงที่ตนเข้าไปหาเสื้อผ้านักเรียนของหลาน แต่ไม่เจอจึงขอรับบริจาค วันนี้กลับพบว่าอยู่ในตู้บริเวณ ตนยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ อาจเป็นข่าวแล้วมีคนนำกลับมาไว้หรือไม่
ยายฉวี เปิดเผยว่า ผู้สื่อข่าวอาจจะไม่รู้เรื่องว่าอะไรเกิดขึ้นกับตน ลูกสาวชื่ออ้อเลี้ยงดูแลตน เป็นคนพิการทางจิต อยู่ในระดับที่4 แต่ปัจจุบันหมอประเมินแล้วอยู่ระดับที่ 6ขั้นรุนแรง ตอนนี้ข่าวกลับมาโจมตีครอบครัวตน ก็อยากจะพูดความในใจว่าตอนนี้อยากจะคิดฆ่าตัวตาย
และตนอยากจะขอโทษที่เคยได้ไปขอข้าวขออาหาร เพราะตนเองเป็นคนบ้านนอกไม่มีความรู้แ ละไม่คิดเลยว่าการที่ไปขอกินกลายเป็นให้เป็นเรื่องใหญ่ และอดีตที่ผ่านมาลูกสาวก็เคยคิดฆ่าตัวตายแต่ล้างท้องทัน เขาเป็นคนคิดมากหลายเรื่อง แบกปัญหาคนเดียว แต่ช่วงหนึ่งแค่มีความคิดว่า อยากจะหารับบริจาคข้าวสารอาหารแห้งให้ตนก่อนที่เขาจะตาย และสั่งตนว่าไม่ให้ข่าวกับสื่ออีกต่อไป เพราะที่เสนอข่าวไปไม่มีใครช่วยครอบครัวตัวเองได้
และยอมรับว่าตอนแรกที่ตนให้ข่าวไปว่า ลูกทั้ง 5 คนไม่มาเลี้ยงดู ก็เพราะเป็นความต้องการของลูกสาวที่ป่วยเป็นจิตเวช ไม่อยากให้สังคมรู้ว่าลูกป่วยจิตเป็นคนเลี้ยงแม่ แต่ลูกทั้ง 4 คนที่เหลือก็ไม่เคยมาเลี้ยงดูจริงๆ ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้ เหลือแต่ลูกที่ป่วยจิตคนเดียวเพียงเท่านั้นที่คอยประคับประคองชีวิตที่เหลือของตน พร้อมกับหลานๆ
ยายฉวี กล่าวอีกว่า ส่วนหนี้ที่ค้างค่าเช่ากับครูเงาะ เจ้าของห้องเช่ายอมรับว่าติดค่าเช่าประมาณ 4 เดือน ส่วนเงินที่ไปยืมนั้นไม่มี แต่ที่ลูกชายค้างค่าเช่าหลายหมื่นบาทนั้น ตนเองไม่รู้ เพราะอยู่กันคนละห้อง
ส่วนที่ชาวบ้านอ้างว่าครอบครัวตนก่อความเดือดร้อนรำคาญนั้น ยืนยันว่าห้องตนที่อยู่นั้น ไม่เคยมีปัญหา แต่ถ้าเป็นห้องลูกชายก็ไม่ทราบ และยืนยันว่าชีวิตของตนไม่เคยขโมยของใคร และไม่เคยเอาของบริจาคไปขาย แต่อาจจะเปลี่ยนจากข้าวหอมเป็นข้าวแข็ง
ส่วนชาวบ้านอ้างว่าลูกหลานตนเองก่อความเดือดร้อน ขว้างระเบิดหน้าบ้าน ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้หลานตนโดนวัยรุ่นซ้อม และก็โดนวัยรุ่นเอาระเบิดปาใส่บ้าน และหลานก็เก็บความแค้นไว้ไปซื้อลูกปิงปองมาเก็บไว้ เมื่อกลุ่มอริมาเย้ยถึงหน้าบ้านจึงขว้างลูกปิงปองใส่
สำหรับป้าเงาะ เจ้าของห้องเช่า ตนรักและเคารพมากและจะไม่ลืมบุญคุณ เพราะตอนที่ตนเสียสามีไปเขาก็ช่วยตนมาก จนรับปากว่าจะใช้หนี้ป้าเงาะให้หมด แต่ขอให้หลานเรียนจบก่อน ไม่คิดจะโกงป้าเงาะ
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางตามหาไข่เจียว ซึ่งเป็นหมาของยายฉวี ซึ่งถูกทิ้งไว้ให้เพื่อนบ้านดูแล โดยปัจจุบันมีท่าทีซึมเศร้าไม่กินข้าวแม้จะยื่นถ้วยข้าวให้ก็ได้แต่นอนเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก
หลังจากนั้นได้พูดคุยกับนายปู อายุ 68 ปี อดีตเพื่อนข้างห้องของยายฉวี บอกว่ายายฉวีจ้างให้ตนดูแลหมา ชื่อไข่เจียว 100 บาท โดยบอกว่าตอนเย็นจะมีคนมารับหลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับมาดูแลมาอีกเลย โดยอดีตไข่เจียวนั้นเป็นหมาที่ร่าเริงแสนรู้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นคนละตัวเหมือนเดิม แต่ไข่เจียวเป็นหมาที่พูดรู้เรื่อง ชอบช่วยถือของ ตอนนี้ตนคิดว่ายายฉวีคงไม่มาเอาแล้วก็ต้องเลี้ยงต่อไปเพราะสงสาร ซึ่งสาเหตุตนเองคิดว่าลูกสาวอาจจะไม่ชอบหมา เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายยายฉวีเป็นคนเลี้ยง แต่ปัจจุบันย้ายกลับไปอยู่บ้านของลูกสาวแล้ว