ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา เต้ มงคลกิตติ์ ปมร่วมชุมนุมม็อบ ชู 3 นิ้วปี 63 หนุนข้อเรียกร้องล้มล้างการปกครอง เชิญเจ้าตัวเข้ารับทราบ พร้อมชี้แจง 18 มิ.ย.นี้
วันที่ 7 มิ.ย. 67 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ภาพเอกสาร
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เชิญให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมข้อความระบุว่า “แจ้งให้ทราบ ปปช. แจ้งข้อกล่าวหา กรณี ชู 3 นิ้ว อาจจะผิดจริยธรรมร้ายแรง”
โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่า ด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการใต่สวน กรณีกล่าวหาท่านว่ากระทำการอันเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรมอย่างร้ายแรง กรณีได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 และได้แสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วอันเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
บัดนี้ คณะกรรมการไต่สวนได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและพิจารณาแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนว่า ข้อกล่าวหามีมูลความผิด
ฉะนั้น เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 คณะกรรมการไต่สวนประสงค์จะแจ้งข้อกล่าวหาให้ท่านทราบ เพื่อให้โอกาสท่านชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงขอให้ท่านไปพบคณะกรรมการไต่สวน ในวันที่ 18 มิ.ย. 2567 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หากจะชี้แจงข้อกล่าวหาก็มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานไปประกอบการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และนำทนายความ หรือบุคคลที่ท่านไว้วางใจไม่เกิน 3 คนเข้าฟังการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้
ล่าสุดนายมงคลกิตติ์ กล่าวชี้แจงว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง ในขณะนั้นตนเป็น สส.ฝั่งรัฐบาล มีเจตนาที่จะเข้าไปดูสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นจริง โดยมี สส.ฝ่ายค้านในขณะนั้นเป็นคนพาไป เนื่องจากอยู่ใน กมธ.การทหาร สภาฯด้วยกัน และขณะนั้นมี สส.จากซีกฝ่ายค้านหลายคนก็เข้าร่วมด้วย
ซึ่งวันนั้นเหตุการณ์คุกรุ่น สส.ฝ่ายค้านจึงแนะนำให้ถ่ายรูปชู 3 นิ้ว เพราะเมื่อเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม หลังจากนั้นไม่นานตนก็เดินทางกลับ ยืนยันไม่ได้มีเจตนา หรือพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามยอมรับว่าไม่รู้สึกกังวล และจะมีการชี้แจงตามข้อเท็จจริงต่อไป
ส่วนที่มีการมองว่าอาจจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ในเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่นั้น การชู 3 นิ้วของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของตนนั้นเป็นการชูแบบลูกเสือ ดังนั้นการจะพิจารณาอะไรต้องมองเจตนาเป็นหลัก
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินพรรคก้าวไกลในข้อหาล้มล้างการปกครอง ในประเด็นนี้พรรคก้าวไกลไม่น่าจะรอด รวมถึงการแก้ไขมาตรา 112 เพราะเชื่อได้ว่ามีพฤติกรรมกระทำอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้านำบรรทัดฐานจากสิ่งที่ตนโดนในขณะนี้ ไม่ว่าจะพรรคก้าวไกล ประชาชนทั่วไป ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสำรองก็คงต้องโดนกันหมด ดังนั้นต้องดูที่เจตนาว่ากระทำเพื่ออะไร