เจ้าพ่อปากน้ำ “วัฒนา อัศวเหม” คัมแบ็ก ดีลโมเดลชั้น 14 กลับเมืองไทย ลุยทวงบัลลังค์การเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ
เรียกเสียงฮือฮาให้คอการเมืองได้ไม่น้อย กรณีมีคลิปของเจ้าพ่อปากน้ำ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่หลบหนีหมายจับจนคดีหมดอายุความ 15 ปี โดยพบว่าภาพที่อยู่ในคลิป เป็นบ้านของนายวัฒนา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ชานกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
สำหรับคลิปดังกล่าว นายวัฒนาได้กล่าวอวยพรนายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ที่จะไปสมัครเป็นนายกอบจ.สมุทรปราการ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม การปล่อยคลิปการปรากฎตัวของนายวัฒนาในครั้งนี้ ถือเป็นความตั้งใจ เนื่องจากที่ผ่านมาการเมืองเมืองปากน้ำ สมุทรปราการ บ้านใหญ่ได้สูญเสียเก้าอี้สส.ที่เคยมีเป็นกอบเป็นกำให้กับพรรคน้องใหม่อย่างก้าวไกลไปหลายที่นั่ง
อีกนัยหนึ่ง การปรากฎตัวครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเครือข่ายบ้านขาวที่กำลังระส่ำระสาย โดยเฉพาะการเมืองภาคท้องถิ่น และระดับชาติ ให้เห็นว่าตระกูลอัศวเหม ยังคงเดินหน้าทางการเมืองอย่างเข้มข้น แม้จะขาดหัวเรือใหญ่อย่างนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ที่เสียชีวิตจากโรคลมแดด ระหว่างแข่งรถที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
สำหรับเวทีท้องถิ่นอย่างนายกอบจ.รอบนี้ ตระกูลอัศวเหม เรียกใช้บริการนายสุนทร ปานแสงทอง แทนที่จะเป็นนางนันทิดา แก้วบัวสาย ที่ไปต่อได้ยากทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงตัวแทนของนายชนสวัสดิ์ อัศวเหม เท่านั้น เมื่อสิ้นนายชนสวัสดิ์ นางนันทิดา จึงไม่มีพลังเพียงพอทางการเมืองที่จะห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับคู่ต่อสู้
ขณะเดียวกัน เก้าอี้นายกอบจ.ในครั้งนี้ ต้องเจอศึกหนักจากพรรคก้าวไกล ที่จะส่งคนลงแข่งขันอย่างแน่นอน และหากบ้านใหญ่พลาดเก้าอี้ดังกล่าว เรียกว่าคงดูไม่จืดในทางการเมือง
ย้อนกลับมาที่ตัวนายวัฒนา อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เขาคือหนึ่งในจำเลยที่หลบหนีคำพิพากษาคดีทุจริต 2 คดี ตั้งแต่ปี 2552 เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2551 ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการออกโฉนดที่ดินในอำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับบริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนาหลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงสั่งออกหมายจับ เพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี ปัจจุบันสิ้นอายุความแล้ว
ต่อมาวันที่ 13 ก.ค.2561 ศาลแขวงดุสิตอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวัฒนา กับพวกที่เป็นบริษัทเอกชน เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ
ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาว่าจำเลยทั้ง 18 ราย มีความผิดตามฟ้องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกนายวัฒนาเป็นเวลา 3 ปี ส่วนจำเลยอื่นจำคุกตั้งแต่ 3-6 ปี โดยนายวัฒนา จำเลยที่ 19 นั้น หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2552 และศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว โดยคดีนี้สิ้นสุดอายุความประมาณปี 2571
หากนับโทษจากนี้ อายุความในคดีที่ 2 ของนายวัฒนาจะเหลืออยู่ 4-5 ปี โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2563 มีความพยายามมอบหมายให้นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องชื่อดัง ยื่นเรื่องกับรัฐมนตรียุติธรรมในขณะนั้น เพื่อขอให้มีการรื้อคดีคลองด่านขึ้นมาใหม่ ภายใต้เงื่อนไข นายวัฒนาจะขอกลับมาสู้คดี แต่ถูกปฏิเสธจากผู้มีอำนาจ เนื่องจากนายวัฒนาหนีคดี และยังไม่เคยได้รับโทษตามกฎหมาย ทำให้แนวคิดดังกล่าวจบลงไป
กระทั่งมีกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร ที่กลับมารับโทษตามกฎหมาย ก่อนจะได้รับการพักโทษตามระเบียบใหม่ของกรมราชฑัณฑ์ ทำให้นายวัฒนามองเห็นความหวังที่จะกลับมารับโทษ และใช้โมเดลดังกล่าว ประกอบกับเจ้าตัวมีความตั้งใจอยากกลับบ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นโอกาสจึงไม่ปล่อยพลาด
ดังนั้นต้องจับตาผู้เฒ่าการเมืองในวัย 88 ปี จะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งว่ากันว่าขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการดีล โดยแหล่งข่าวระบุว่า ทุกอย่างจะชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้ และหากทุกอย่างเป็นไปตามคาด สังคมก็จะได้เห็นนายวัฒนากลับมารับโทษ โดยใช้โมเดลเดียวกับทักโทษชั้น 14 !!