ลูกชายร้อง หมอชุ่ยลืมผ้าก๊อซไว้ในมดลูกแม่ที่ป่วยมะเร็ง ทำให้ติดเชื้อไข้ขึ้นสูงเกือบเสียชีวิต
วันที่ 17 มิ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ KwanchaiJitbunjong ได้โพสต์ข้อความระบุว่า หมอลืมผ้าก๊อซไว้ในมดลูกทำให้แม่ติดเชื้อ จนต้องแอดมิดโรงพยาบาล 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้กำลังกลับไปรับแม่ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด เพื่อมาโรงพยาบาลในกรุงเทพฯด่วน ขออนุญาตไม่ตอบว่าโรงพยาบาลที่ไหน รู้สึกเสียใจมากครับ
โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากลูกชาย ซึ่งเป็นผู้โพสต์ นำแม่มารักษาด้วยอาการป่วยมะเร็ง โดยมีการฝังแร่ที่มดลูก แต่แพทย์กลับลืมผ้าก๊อซไว้ภายใน จนแม่มีอาการติดเชื้อมีไข้สูงตลอด กระทั่งแม่เข้าห้องน้ำแล้วเกิดไอ จึงทำให้ผ้าก๊อซบางส่วนโผล่ออกมาจากช่องคลอดจนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เพื่อความกระจ่าง ทีมข่าวจึงเข้าสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายขวัญชัย จิตบรรจง อายุ 37 ปี เจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่าแม่ตนเองเป็นระเม็งระยะที่ 1 ที่มดลูก ตนเองจึงพาแม่มารักษาตามกระบวนการของแพทย์ ที่ รพ.แห่งหนึ่ง ย่านรังสิต กระทั่งวันที่ 4 มิถุนายน 2567 แพทย์ได้ทำการฝังแร่ที่มดลูก โดยมีการใส่อุปกรณ์ไปในมดลูกเพื่อฝังแร่ ขณะทำการรักษาแม่ได้รับยาสลบ แต่ตอนใส่แร่คงจะมีพวกผ้าก๊อซ โดยการใส่เป็นหน้าที่ของหมอ แต่การเอาออกเป็นพยาบาลอีกท่านหนึ่ง เพราะพยาบาลเป็นผู้แจ้งให้ตนเองทราบ ตนเองไม่รู้ว่าขั้นตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ช่วงแรกตนเองไม่ทราบว่ามีผ้าก๊อซอยู่ภายในมดลูกของแม่ คิดว่าเป็นการติดเชื้อธรรมดา เพราะมันเกิดขึ้นได้กับการรักษามะเร็ง แต่มีอาการไข้ขึ้นตลอดเวลา สิ่งที่ตนเองน้อยใจและเสียใจคือการให้บริการของโรงพยาบาล ตนเองมีการประสานเรื่องมะเร็งตลอดหลังจากรักษาไป กระทั่งมีไข้และแย่ลง ตนเองจึงกลับมาที่รพ.อีกครั้งเพื่อแจ้งให้ทางแพทย์ทราบว่าหลังจากใส่แร่ไป แม่อาการทรุดลงมีภาวะติดเชื้อ เพราะมีไข้สูงทุกชม.กินยาไปก็ไม่ลง แต่ทางรพ.ก็ไม่ยอมเปิดสิทธิ์รักษาให้ เพราะมีสิทธิ์การรักษามะเร็งที่ฟรีอยู่ของรัฐบาล จนตนเองจ่ายเงินรักษาเอง กระทั่งแพทย์มีการเพาะเชื้อ จนทราบว่ามีการติดเชื้อจริง มีการสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อเกิดขึ้น จนมาวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2567 ตนเองได้กลับมาหาหมออีกครั้งตามสิทธิ์ในเวลาราชการ ตนเองเข้าหาหมอมะเร็งเพื่อให้หมอมะเร็งรักษาแม่ ตนเองไม่ทราบว่าวันเกิดติดเหตุธุระ หรือท่านติดอะไร ไม่ได้มาคุยกับตนเอง จึงเกิดความน้อยใจ กลับให้ตนเองไปหาหมอเวชศาสตร์ ซึ่งเป็นหมอทั่วไป แต่เรามีสิทธิ์การรักษาโรคมะเร็ง ตนเองจึงถามว่าคุณหมอจ่ายยาได้ไหมที่เกี่ยวกับมะเร็งจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในจุดนี้ เพราะตนเองหมดเงินกับการรักษาไปเยอะมาก แต่เราได้สิทธิ์ฟรีจึงอยากจะใช้สิทธิ์ตรงนั้น แต่หมอปฏิเสธและให้ไปรักษากับหมอเวชศาสตร์ ทำให้เราต้องเสียเงินเอง
จึงพาแม่ไปรักษาที่คลินิคเอกชนชื่อดัง จึงวัดชีพจรและเกลือแร่และอาการไม่ดีไข้ขึ้นสูง ความดันตกเหลือ 60-70 อาจจะเสียชีวิตได้ และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด่วนที่โรงพยาบาล ตนเองจึงพาแม่มาที่รพ.เดิมอีกครั้ง แต่แพทย์กลับจ่ายยาและให้กลับบ้านไป ตนเองจึงพาแม่เข้ารับการรักษาที่ รพ.รัฐในจังหวัดอ่างทอง โดยแพทย์แจ้งว่าไม่มียาอะไรจะให้แล้ว และอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดหมอที่รพ.เดิม แล้วเดี๋ยวให้หมอช่วยดูแล จึงพาแม่กลับบ้าน แต่ช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา แม่ปวดท้องมาก นั่งไม่ได้เลย บอกว่าแม่เจ็บท้องจุกท้อง ตนเองยังข้องใจให้ยามาแต่อาการไม่ดีขึ้น เจ็บท้องมากขึ้น เวลาประมาณ 02.00น.วันที่ 14 มิถุนายน 2567 แม่เกิดไอจนพบผ้าก๊อซหลุดออกมาจากช่องคลอด แม่ดึงออกมาและพบว่ายิ่งดึงยิ่งปวด จึงให้พ่อใช้กรรไกรชุบแอลกอฮอล์ตัดออกจากนั้นตนเองจึงรีบนำแม่ไปที่รพ.รัฐในจังหวัดอ่างทอง แพทย์ก็ผิดสังเกตเพราะปกติผ้าก๊อซจะต้องไม่มีในช่องคลอด เป็นไปไม่ได้ที่หมอจะใส่ไว้ จึงรีบเขียนใบส่งตัวกลับมาที่รพ.เดิม แต่เมื่อมาถึงตนเองก็ขอให้แพทย์เปิดสิทธิ์รักษาให้แม่ เพราะมันเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยเพราะแพทย์ลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอดทำให้ติดเชื้ออย่างหนัก โดยตนเองแจ้งเจ้าหน้าที่ทั้งสามจุด แต่ไม่มีใครเปิดสิทธิ์ให้ตนเองเลย และค่าใช้จ่ายแล๊ปค่าตรวจเลือดมาเกือบหมื่นบาท ตนเองจึงบอกว่าแบบนี้ไม่ได้ ตนเองจึงยกโทรศัพท์หานักข่าว พอเจ้าหน้าที่ได้ยินจึงเปลี่ยนสิทธิ์การรักษาให้ เสียใจทำไมต้องให้ตนเองใช้สื่อกดดัน หากเป็นตาสีตาสาที่ไม่มีความรู้อาจจะต้องเสียคนรักไปและถ้าผ้าก๊อซไม่หลุดออกมา แม่ของตนเองอาจจะต้องเสียชีวิต จนถึงวันนี้แพทย์เพิ่งลงมาหาคนไข้และขอโทษว่ามันไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยทางรพ.ยังไม่มีอะไรชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ได้ให้คำตอบอะไรเลย บอกแค่ว่าให้รักษาตัวไปก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายเดียวทางรพ.จะดูแลเพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสื่อบางส่วนนำเสนอข่าวไปแล้ว แต่ก่อนเกิดเรื่องมันอีกคำพูดหนึ่ง ตนเองอยากให้ รพ.ออกมารับผิดชอบและไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ตนเองอาจจะเสียคนรักที่สุดในชีวิตไปจากความประมาทของหมอ