"บิ๊กแจ๊ส" ลั่นแพ้ชิงนายกฯ อบจ. ปทุมฯ ทำดีที่สุดแล้ว -ไม่โทษใคร

1 ก.ค. 67

"บิ๊กแจ๊ส" ลั่นแพ้ชิงนายกฯ อบจ.ปทุมฯ ทำดีที่สุดแล้ว -ไม่โทษใคร ภูมิใจที่ปชช.เทให้ 2 แสนกว่าคะแนน รับทักษิณ- ระบบบ้านใหญ่มีผล

วันที่ 1 ก.ค.2567 ที่มูลนิธิ มงคล-จงกล ธูปกระจ่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังพ่ายเลือกตั้ง นายกฯ อบจ. ปทุมธานี โดยมีการประเมินการเลือกตั้งครั้งนี้หรือพบว่ามีจุดอ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง

บิ๊กแจ๊ส ระบุว่าถ้าให้ตนประเมินนั้น คงบอกว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เรื่องนี้จบแล้วคือจบไม่อยากโทษอะไรทั้งสิ้น หลังจากลงเวทีค่อยว่ากันใหม่ ส่วนเรื่องอื่นๆให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และตนขอไม่ประเมิน แต่อยากขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีด้วยใจ ที่เลือกตนกว่า 2 แสนคะแนน จะจารึกไว้ในหัวใจจะไม่ลืมพี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีโดยเด็ดขาด

1719822999949

เมื่อคืนกลับบ้านก็หลับสบาย มีการพูดคุยกับลูกๆและหลานๆ ซึ่งวันนี้ตนโล่งใจ เพราะ 3 ปีกับ3 เดือน เป็นภาระที่หนักหน่วง หลังจากเกษียณอายุราชการในฐานะผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่อยู่ท่ามกลางม็อบและอะไรต่างๆ พอรับบทนายกอบจ.ปทุมธานี ปี 64 ตนคิดว่าเป็นภาระที่หนัก ที่ต้องดูแลประชาชนในทุกด้าน ซึ่งไม่ใช่งานด้านเดียวเหมือนงานตำรวจ และยืนยันว่า 3 ปี 3 เดือนปีสามเดือนที่ผ่านมา ตนไม่มีวันหยุดพัก ทั้งคนไข้ต้องรักษา พร้อมกับการเผชิญวิกฤติท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 เกือบ 2 ปี ซึ่งวันๆคิดแต่จะช่วยพี่น้องประชาชนได้อย่างไร

สำหรับพื้นที่สามโคกที่ได้คะแนนน้อยนั้น ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชน และเชื่อว่าชาวปทุมธานีทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตนไม่อยากให้ออกจากปากตน และขอไม่วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามย้ำว่าอาจมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น หมายถึงอะไร พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า พี่น้องประชาชนทราบดีอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจตามกฏหมาย ที่จะต้องดำเนินการและตั้งแต่พรุ่งนี้ 09.00 น.ตนจะรักษาคนไข้ตามปกติ

ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยกว่า ครั้งก่อน 10% รวมถึงคนใกล้ตัวที่ไปลงสมัครด้วย จึงเป็นการฉุดคะแนนหรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า อย่าไปคิดแบบนั้น ตนไม่อยากวิจารณ์และไม่อยากโทษใคร จบก็คือจบ แต่วันนี้รู้สึกสบายใจที่กลับมาใช้ชีวิตสบายๆ

ส่วนเรื่องการสังกัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น ตนยังยืนยันเรื่องปทุมธานีโมเดล อยากให้ทุกฝ่ายการเมืองใน จ.ปทุมธานีสามัคคีจับมือกัน เหมือนที่ผ่านมา ตนเป็นนายกอบจ.ปทุมธานี ต้องทำงานกันทุกพรรคและทำงานกับทุกฝ่ายให้ได้ เพื่อร่วมกันประสานงาน ไม่ใช่มัวแต่มองว่าคนนั้นสังกัดพรรคนั้นพรรคนี้ ให้ดูตัวอย่าง จ.สุพรรณบุรี จ.บุรีรัมย์ ถ้าการเมืองปทุมธานียังเป็นแบบนี้ ทะเลาะเบาะแว้ง หรือกัดกันไม่จบไม่สิ้น และเห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เจริญ

นอกจากนี้การเป็นนายกอบจ.ต้องประสานให้ได้ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ช่วงแรกตนอยู่ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พยายามประสานรัฐมนตรีต่างๆ เพื่อที่จะดึงงบประมาณมาช่วยคนปทุมธานี ดังนั้นไม่ว่าจะรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลต่อไป โครงการที่เกิดขึ้นต้องเดินหน้า โดยเฉพาะโครงการที่เกินกว่าอำนาจของอบจ.

ส่วนระบบบ้านใหญ่ มองว่ามีผลต่อการเลือกตั้ง หรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุว่า บ้านใหญ่มีกี่บ้าน ปทุมธานีถึงอยู่อย่างนี้และอยู่ใต้อำนาจของแต่ละบ้าน และยึดติดของกันมา การเมืองท้องถิ่นไม่ควรจะเป็นของใคร แต่จะต้องเป็นของประชาชนและอำนาจอยู่ที่พี่น้องประชาชนที่จะให้ใครมาดูแลทุกข์สุข

“ถึงแม้ตนจะแพ้ แต่ตนก็ภูมิใจใน 2 แสนกว่าคะแนนที่พี่น้องชาวปทุมธานีมอบให้ ตนยืนยันว่าสบายใจ ไม่คิดจะทะเยอทะยาน เพราะหลังเกษียณจะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ แต่วันนี้โดดเข้ามาการเมืองท้องถิ่นเพราะบ้านเมื่อง เพื่อตอบแทนบ้านเกิดเมืองนอนบ้าน และเพื่อลูกหลาน เพราะปทุมธานีในขณะนี้ไม่ใช่เมืองทำเกษตร แต่เป็นเมืองการศึกษา ตอนนี้ตนอายุ 70 แล้วตนตั้งใจช่วยประชาชน ไม่เช่นนั้นคงสร้างไม่มูลนิธิฯ ขึ้นมาเพื่อรักษาคนไข้ ในวันที่เกษียณอายุราชการ แต่เมื่อชีวิตพลิกผันให้เราเข้ามาแก้ปัญหาโควิก-19 แต่เมื่อผ่านพ้นไป วันนี้อำนาจของพี่น้องประชาชนให้เรากลับไปอยู่ที่เก่าก็แค่กลับไปไม่มีอะไร

พร้อมกันนี้ยอมรับว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนในการเลือกตั้ง แต่อย่าไปโทษใครถือว่าพี่น้องประชาชนลงมติแบบนี้ก็ยอมรับมติของพี่น้องประชาชน

”ในความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง รุ่นน้องยังไงก็ต้องจำรุ่นพี่ได้ มันไม่ใช่ตำนาน แต่เป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในนักเรียนนายร้อยตำรวจ ตนยืนหยัดเคารพรักพี่เช่นเดิม สำหรับเส้นทางการเมือง ตนยังยืนหยัดอยู่กับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และได้เติบโตมาในสายงานตำรวจ วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตตอนอายุ 70 แล้วเป็นอิสระ ส่วนการเมืองข้างหน้าว่ากันไป “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม