หนุ่มร้องถูกหนุ่มหัวร้อนขับรถไล่ยิงทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แจ้งความคดีไม่คืบ ตอนแรกตำรวจบอกปืน .22 มาอ้างตอนหลังว่าแค่บีบีกัน
วันนี้ 22 ก.ค.2567 ผู้เสียหาย เข้าร้องเรียนกับสายไหมต้องรอด พร้อมเล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.30 น. ซึ่งวันนั้นได้ไปรับผู้โดยสารมาจากย่านลําลูกกาเพื่อไปส่งแถวสุทธิสาร โดยขับรถมาตามปกติ แต่จู่ๆรู้สึกผิดปกติ บริเวณ ซ.พหลโยธิน 44 เนื่องจากมีรถคันหนึ่งพยายามขับเร่งเครื่องตามรถของตัวเองมา กระทั่งจังหวะที่กําลังจะขึ้นสะพานข้ามแยกเกษตรฯ ได้ยินเสียงลักษณะคล้ายปืนดังขึ้นจํานวน 3 ครั้ง รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จึงหันไปดูผู้โดยสารว่าเป็นอะไรหรือไม่ ก่อนจะรีบขับออกมาให้เร็วที่สุด
จากนั้นได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.พหลโยธิน โดยตํารวจตรวจสอบร่องรอยกระสุนที่รถ ระบุว่า น่าจะเป็นปืนขนาด .22 แต่เมื่อตรวจสอบวงจรปิดในรถพบว่าเหตุเกิดในพื้นที่ สน.บางเขน จึงแนะนําให้ไปแจ้งความที่ สน.บางเขน เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.บางเขน ก็บอกว่ารอยกระสุนน่าจะเป็นขนาด .22 เช่นกัน และได้ทําการติดต่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เข้ามาตรวจสอบคราบเขม่าดินปืน แต่เนื่องจากติดวันหยุดยาว ตํารวจจึงให้จอดรถทิ้งไว้ก่อน
ต่อมาในช่วงเย็นวันที่ 21 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตํารวจได้โทรมาแจ้งว่าสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว ให้เข้ามาพูดคุย โดยอ้างว่า“มีผู้ใหญ่อยากให้เคลียร์กันให้จบ” เมื่อมาถึง สน.บางเขน พบคู่กรณีและได้มีการพูดคุยกัน โดยเขาเสนอเงินให้จํานวน 20,000 บาท แต่ตนปฏิเสธ เพราะมองว่าหากวันนั้นมีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตใครจะรับผิดชอบ
หลังจากนั้นตํารวจได้มาคุยกับตนอีกครั้ง บอกว่าหากไม่รับเงินก็จะไม่ได้อะไรเลย เพราะปืนที่ยิงเป็นปืนบีบีกันหรือปืนปลอม ซึ่งผู้ก่อเหตุนํามามอบให้ขณะเข้ามอบตัว จึงยิ่งทําให้รู้สึกตกใจ เพราะตอนแรกบอกเป็นปืนขนาด .22 อีกทั้ง พฐ.ก็ยังไม่เข้าตรวจคราบเขม่าดินปืนและตํารวจก็ไม่ได้เข้าค้นบ้านของคู่กรณี รวมถึงมีตํารวจนายหนึ่งบอกว่าคู่กรณีของตนเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งแต่เรื่องเงียบมาโดยตลอด ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางมาร้องขอให้สายไหมต้องรอดช่วยเหลือ
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทําการประสาน ผู้กํากับการ สน.บางเขน แล้ว โดย ผกก.ระบุว่า แม้ผู้ต้องหาจะนําปืนปลอมมามอบให้ตํารวจ แต่ไม่ได้หมายความว่าตํารวจจะเชื่อว่าปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุ ต้องรอเจ้าหน้าที่ พฐ.เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งตัวปืนและรอบกระสุนที่รถของผู้เสียหาย หากพบมีการกระทําความผิดจริงก็จะต้องดําเนินคดีตามกฎหมาย.