เมียของวิศวกรยอมรับผิดคบชู้หนุ่มกู้ภัย แต่เกินเลยแค่ภายนอกไม่ได้ลึกซึ้ง ยอมรับสามีไม่มีเวลาให้เลยเผลอใจไปหน่อย
ความคืบหน้ากรณีหนุ่มวิศวกรช้ำรักร้องเรียนกัน จอมพลัง หลังจับได้ว่าเมียแอบไปมีชู้กับหนุ่มกู้ภัย เห็นคาตาขณะปฏิบัติภารกิจกันบนรถ โมโหซัดชู้จมูกหัก ก่อนชู้ยกพวกขับรถกู้ภัยบุกบ้านแก้แค้นนั้น
ต่อมาทางทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ ในพื้นที่แหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของฝ่ายหญิง ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านป้า ที่ดูแล ”น.ส.กิ๊ฟ“ มาตั้งแต่เด็ก และเป็นคนที่รู้เรื่องเหตุการณ์ในฐานะผู้ใหญ่
เมื่อทีมข่าวไปถึง ปรากฏว่าทางด้าน “น.ส.กิ๊ฟ” และญาติพร้อมให้ข้อมูลและรายละเอียด เนื่องจากเจ้าตัวก็รอทีมข่าวหวังชี้แจงอีกมุม เพราะมีบางเรื่องที่ทางฝ่ายชายหรือสามีได้ให้ข้อมูลไม่สอดคล้องตามความเป็นจริง
โดยเจ้าตัวยอมรับผิดกับปมเรื่องชู้สาวและมือที่สาม ยืนยันเหตุการณ์เป็นไปตามคลิปที่ปรากฎจริง และตนเองก็ได้รู้จักกับทาง “นายเอ็ม” (มือที่สาม) จริง ตั้งแต่ช่วงวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย “นายเอ็ม” ได้เข้ามาซื้อของที่ร้านป้า ซึ่งตนก็ขายของอยู่ และได้มีการแซวกัน จนทำให้อีกฝ่ายได้หาชื่อในเฟซบุ๊ก
ซึ่งคุยกันได้สักระยะหนึ่งก็ได้เจอกัน ยอมรับตอนนั้นตนเองรู้สึกว่าสามี หรือ นายแซม ไม่มีเวลาให้ ประจวบกับตนเองก็รู้สึกคุยถูกคอกับทางนายเอ็ม ทำให้ตนเองนัดเจอกันที่บริเวณสนามกีฬาดังกล่าว แต่ทุกครั้งที่ไปเจอกันไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เป็นการไปเจอหน้าและนั่งคุย เพราะตนเองก็เอาลูกและหลานไปให้เขาช่วยดูด้วย
กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดอาจจะมีความสัมพันธ์แค่ภายนอก แต่ไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้ง ซึ่งประเด็นนี้ตนเองก็ยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและเป็นสิ่งที่ตนทำผิดจริง แต่หลังเกิดเรื่องตนก็ได้มีการขอโทษและขอโอกาสกับทางสามี ซึ่งเขาเอง ก็พร้อมให้อภัย แต่ตนไม่ทราบว่า จนกระทั่งถึงวันนี้ทำไมฝ่ายชายกลับออกไปร้องสื่อ และพูดข้อมูลอีกมุมหนึ่งที่อาจจะมีความขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ยืนยันว่าตนเองไม่ได้นัดเจอกัน 10 ครั้งตามที่ทางสามีบอก แต่เจอกันแค่ 3-4 ครั้ง และไม่ได้มีอะไรเกินเลย จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่โดนจับได้ ส่วนสาเหตุที่ตนนอกใจเพราะเขาทำงานและไม่มีเวลาดูแล ที่ผ่านมามักจะเมาและทำร้ายร่างกาย ตนเลยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ พอมาเจอบุคคลที่ 3 เลยรู้สึกดี และนัดเจอกัน
ส่วนกรณีที่ฝ่ายชายบอกว่าตนเคยมีเหตุนอกใจหรือมีกิ๊กมาแล้ว 3 ครั้ง รวมครั้งนี้ ย้ำว่าตอนนั้น ตนแค่คุยกับเขาเมื่อช่วงปี 2564 ซึ่งเป็นการเจอกับทางสามีทางแอพหาคู่และได้คุยกัน ยังไม่ได้มีการผูกมัด ซึ่งตนเองก็คุยกับคนอื่นด้วย ซึ่งมันไม่ได้ผิด เพราะทางฝ่ายชายไม่ได้ชัดเจน
ครั้งแรกปี 2564 ทางสามีจับได้มีกิ๊ก เขาทะเลาะกันก็จบ ครั้งที่ 2 ปี 2565 ตอนนั้นตนก็ยังไม่ได้หมั้นหรือจดทะเบียนกับทางฝ่ายชาย จับได้ก็เคลียร์กันจบ จนกระทั่งตนกับทางสามีมาจดทะเบียนกันเมื่อช่วง วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับมาสู่ขอกับทางป้าที่ดูแลตน ตลอดระยะเวลาที่จดทะเบียนกัน ตนก็ไม่เคยนอกใจหรือมีคนคุย เท่ากับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนมีชู้
เผยเรื่องเงินที่ฝ่ายชายอ้างว่าช่วยดูแลเดือนละ 20,000 บาท ข้อนี้ตนขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ตรวจสอบเอกสารสลิปเงินย้อนหลังได้ ฝ่ายชายให้ค่าดูแลแค่ 3,000 - 4,000 บาทต่อเดือน ตนก็ยังคงทำงานดูแลเขาเหมือนกัน ทุกวันตนก็ต้องมาขายของและรับงานรีวิวทางออนไลน์ รายได้ตนก็มี ไม่ได้เกาะเขากิน ส่วนเงินบางส่วนตนก็เอาของเขามาจริงบางส่วน ขณะที่รายได้เขาเองก็ไม่ได้มีเงินเดือนเยอะ ไม่ถึง 1 แสน บางครั้งเดือดร้อนเรื่องเงินก็ยังมาให้ตนขอยืมป้าให้ บ้านของตนก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น
ที่ผ่านมาตนไม่ได้เรียกร้อง เขาเองเป็นคนรับปากกับป้าว่าจะดูแลตนและคอยช่วยเหลือตน แต่ตนก็ไม่ได้หวังเพราะตนก็ทำงานเองได้ ส่วนลูกของตนที่เกิดกับสามีคนเก่า เขาเองก็ไม่ได้รับเป็นบุตรบุญธรรมตามที่อ้าง แต่เขากำลังจะทำเรื่อง แต่ยังค้างคาอยู่
เจ้าตัวยังเล่าถึงพฤติกรรมของฝ่ายชายว่าที่ผ่านมา เขามักจะดื่มเหล้าเมาแล้วนิสัยเปลี่ยน มักจะหึงหวงตน และทำร้ายลูกของเขาที่เป็นลูกติดกับภรรยาคนเก่าเช่นกัน ตนมีหลักฐานกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นกล้องภายในบ้านที่ทางสามีทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลทางจมูก ทางปาก แต่ตนก็ไม่กล้าเเจ้งความ
ส่วนที่ทางฝ่ายชายบอกว่าทางฝั่งมือที่สาม บุกเข้าไปข่มขู่หลังเกิดเรื่องวันนั้น ประเด็นนี้เป็นการติดต่อและเข้าไปเพื่อที่จะเอาเอกสารในส่วนของบัตรประชาชน วิทยุสื่อสาร และของใช้ส่วนตัว ซึ่งสิ่งของบางส่วนอยู่ที่ตน ทำให้อีกฝ่ายจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากต้องเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อ ทำให้ทางฝั่งมือที่สามพร้อมกับครอบครัวและเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาที่บ้านตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ตนไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์ท้าทายหรือต่อว่าเชิงยั่วยุให้ออกไปปะทะกันหรือไม่ แต่ในมุมที่ตนเห็นเป็นการมาเอาเอกสารเพื่อนำตัวไปส่งต่อที่โรงพยาบาล
วันที่เกิดเรื่องและหลังเกิดเรื่อง ตนก็ได้มีการขอโทษพร้อมกับเคลียร์ใจกับทางสามีเหมือนจะเข้าใจแล้ว กระทั่งล่าสุดก่อนที่เขาเองจะไปร้องสื่อ ปรากฏว่าเขามีอาการมึนเมาและลักษณะคล้ายอาละวาด ไล่ให้ตนออกจากบ้านพร้อมกับลูก ซึ่งไม่ได้เป็นความจริงว่าตนเองหนีออกมา ส่วนที่ฝ่ายชายอ้างว่าตนเองยังติดต่อและพูดคุยกับทางมือที่สาม ประเด็นนี้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากเกิดเหตุทางฝ่ายชายหรือสามีได้มีการนำโทรศัพท์ของตนไปและปลอมแปลงพูดคุยกับมือที่สาม ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเขาเองได้เข้าไปพูดคุยหรือทักหาในลักษณะแบบใด
วันนี้ตนเองก็อยากจะเรียกร้องในมุมข้อมูลส่วนตัวที่ทางฝ่ายชายไปให้ข่าว ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจริง แต่ในมุมเรื่องที่ตนเองมีคนอื่นตนยอมรับและรู้สึกผิด หลังจากนี้สิ่งที่ตนต้องการคืออยากจะหย่า ส่วนจะไปดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องชู้ก็เป็นสิทธิ์ของเขาเพราะตนผิดจริง.