"เดนมาร์ก" ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายแล้ว "สหราชอาณาจักร" คิวต่อไป หลายประเทศใน "ยุโรป" ส่งสัญญาณชัดปรับตัวสู่ยุคพลังงานสะอาด
เดนมาร์ก ผู้นำระดับโลกด้านการใช้เทคโนโลยีหมุนเวียนและการผลิตพลังงานลม และเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมสูงที่สุดในโลก ขณะนี้ได้เลิกใช้ถ่านหินในภาคการผลิตไฟฟ้าแล้ว โดย สหราชอาณาจักร กำหนดจะเลิกใช้ในเดือนนี้ ส่วนสโลวาเกีย ได้ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม
การปิดตัวของ Esbjerg ถือเป็นการสิ้นสุดยุคถ่านหินในเดนมาร์ก
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลของประเทศในยุโรปยังคงลังเลที่จะกำหนดเส้นตายในการเลิกใช้พลังงานจากโลกเก่าชนิดนี้ แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึงบริษัทสาธารณูปโภคที่เป็นของรัฐฯ ก็เริ่มหันหลังให้กับถ่านหินมากขึ้น เนื่องจากต้องเผชิญกับการแข่งขันจากพลังงานหมุนเวียน ต้นทุนการปล่อยก๊าซ CO2 และข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัทพลังงาน Ørsted ผู้ผลิตพลังงานสะอาดรายใหญ่สัญชาติเดนมาร์ก ได้ปิดโรงไฟฟ้ารวมความร้อนและพลังงาน (CHP) แห่งสุดท้ายที่ใช้ถ่านหิน คือโรงไฟฟ้า Esbjerg ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ โดยตั้งแต่ปี 2006 บริษัทได้เริ่มเปลี่ยนไปใช้ชีวมวลที่ได้รับการรับรองว่ามีความยั่งยืน ตามที่ได้ประกาศไว้
และในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โรงไฟฟ้า Ratcliffe-on-Soar Power Station ของบริษัท Uniper ได้รับการจัดส่งถ่านหินครั้งสุดท้าย จากโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายของ สหราชอาณาจักร ซึ่งกำลังจะยุติการดำเนินการในวันที่ 30 กันยายนนี้
แผนการคือการพัฒนาการใช้พลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยทางบริษัทฯ ระบุเมื่อปีที่แล้วว่าจะผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำที่นี่ และจะค่อยๆ เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 500 เมกะวัตต์ด้วยกระบวนการอิเล็กโทรลิซิสภายในสิ้นทศวรรษนี้
ในช่วงต้นปี 2015 สหราชอาณาจักรผลิตไฟฟ้ากว่าหนึ่งในสามจากถ่านหิน แต่หลังจากนั้นสัดส่วนดังกล่าวก็ลดลงอย่างรวดเร็วและเล็กลงเรื่อยๆ โดยโรงไฟฟ้าเหล่านี้มักจะถูกใช้งานเฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น
สโลวาเกีย จากฝุ่นและขี้เถ้า สู่ "ไฮโดรเจนสีเขียว" พลังงานแห่งอนาคต
บริษัทพลังงานใน สโลวาเกีย Slovenské elektrárne ได้ยุติการผลิตพลังงานความร้อนร่วม (CHP) ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการสิ้นสุดยุคถ่านหินอีกหนึ่งประเทศ
บริษัทฯ เปิดเผยว่าทางเลือกที่เป็นไปได้คือ พลังงานหมุนเวียน การเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ การใช้เตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ การผลิตไฮโดรเจนสีเขียว และการใช้ขี้เถ้าที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
"ยุโรป" ส่งสัญญาณชัด ปรับตัวสู่ยุคพลังงานสะอาด
โครเอเชียและโรมาเนียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีเส้นตายในการเลิกใช้ถ่านหินหลังปี 2030 แต่ไม่น่าจะสามารถยืดเยื้อได้ถึงขนาดนั้น สำหรับประเทศที่เหลืออยู่ในทวีปยุโรป อาทิ เยอรมนี โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก เซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย ทว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งหมดอาจแปลได้ว่า "ยุโรป" กำลังส่งสัญญาณชัดในการปรับตัวสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาด
ข้อมูลจาก : energynews beyondfossilfuels balkangreenenergynews
Advertisement