เดือนกรกฎาคม 2567 เป็นอีกเดือนที่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดรถยนต์โดยรวม โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่สูงถึง 8,332 คัน เพิ่มขึ้น 20.68% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กลุ่มรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ ยังคงเป็นกลุ่มหลักในตลาด BEV มียอดจดทะเบียนใหม่ 5,771 คัน เพิ่มขึ้น 13.58% จากปีก่อน โดยมีรถยนต์นั่งเป็นผู้นำตลาดด้วยยอดจดทะเบียน 5,475 คัน
แม้จะมีสัดส่วนตลาดไม่มากนัก แต่กลุ่มรถกระบะ รถตู้ และรถสามล้อก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะรถกระบะและรถตู้ ที่มียอดจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นถึง 711.11% จากปีก่อน
ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าก็มีการเติบโตเช่นกัน โดยมียอดจดทะเบียนใหม่ 2,413 คัน เพิ่มขึ้น 40.62% จากปีก่อน ในขณะที่รถโดยสารมียอดจดทะเบียนลดลง 52.94% แต่รถบรรทุกกลับมียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 194.12%
เมื่อพิจารณายอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี (มกราคม - กรกฎาคม 2567) ยานยนต์ไฟฟ้า BEV มียอดจดทะเบียนใหม่รวม 60,243 คัน เพิ่มขึ้น 21.05% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ ยังคงเป็นกลุ่มหลัก มียอดจดทะเบียนสะสม 43,524 คัน
ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดรถยนต์โดยรวมจะเผชิญกับความท้าทาย การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
แม้จะมีอุปสรรคบางประการ เช่น ราคาที่ยังค่อนข้างสูงและโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุม แต่แนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของตลาด BEV ในประเทศไทยยังคงเป็นไปในทิศทาง
เดือนกรกฎาคม 2567 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ในประเทศไทยยังคงร้อนแรงไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ HEV ใหม่สูงถึง 11,888 คัน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว หรือ 99.80% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยมลพิษ
กลุ่มรถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ ยังคงเป็นดาวเด่นในตลาด HEV ด้วยยอดจดทะเบียนใหม่ 11,833 คัน เพิ่มขึ้น 99.98% จากปีก่อน โดยรถยนต์นั่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 11,823 คัน
ตลาดรถจักรยานยนต์ HEV ก็มีการเติบโตเช่นกัน โดยมียอดจดทะเบียนใหม่ 55 คัน เพิ่มขึ้น 66.67% จากปีก่อน แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีไฮบริดสำหรับรถจักรยานยนต์
เมื่อพิจารณายอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี (มกราคม - กรกฎาคม 2567) ยานยนต์ไฟฟ้า HEV มียอดจดทะเบียนใหม่รวม 83,794 คัน เพิ่มขึ้น 60.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ ยังคงเป็นกลุ่มหลัก มียอดจดทะเบียนสะสม 83,474 คัน
ในขณะที่รถจักรยานยนต์ HEV มียอดจดทะเบียนสะสม 320 คัน ลดลง 13.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ป้ายแดงในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเทคโนโลยีที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ตลาดรถจักรยานยนต์ HEV จะยังมีขนาดเล็ก แต่ก็มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตเช่นกัน
การเติบโตของตลาด HEV เป็นสัญญาณบวกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืนมากขึ้น
แม้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในเดือนกรกฎาคม 2567 กลับเผชิญกับความท้าทายบางประการ โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ PHEV ใหม่เพียง 826 คัน ลดลง 15.46% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มรถยนต์นั่งยังคงเป็นกลุ่มหลักในตลาด PHEV แต่ก็มียอดจดทะเบียนใหม่ลดลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ 826 คัน ลดลง 15.46% จากปีก่อน
เมื่อพิจารณายอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี (มกราคม - กรกฎาคม 2567) ยานยนต์ไฟฟ้า PHEV มียอดจดทะเบียนใหม่รวม 5,722 คัน ลดลง 21.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรถยนต์นั่งยังคงเป็นกลุ่มหลัก มียอดจดทะเบียนสะสม 5,717 คัน
ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ป้ายแดงในเดือนกรกฎาคม 2567 เผชิญกับความท้าทายจากยอดจดทะเบียนที่ลดลง ทั้งในเดือนกรกฎาคมและยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี สาเหตุอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) หรือความไม่แน่นอนของนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม PHEV ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการประโยชน์จากทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สันดาปภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีและการปรับลดราคา รวมถึงความชัดเจนของนโยบายสนับสนุน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาด PHEV ในอนาคต
ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่จดทะเบียนสะสมในประเทศไทยพุ่งทะยานแตะ 191,414 คัน นับเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 133.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้าในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย
กลุ่มรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ ยังคงเป็นผู้นำตลาด BEV อย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดจดทะเบียนสะสมสูงถึง 132,735 คัน เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 163.21% จากปีก่อนหน้า
แม้จะมีสัดส่วนตลาดน้อยกว่ารถยนต์นั่ง แต่รถกระบะและรถตู้ก็มียอดจดทะเบียนสะสมเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 336.59% มาอยู่ที่ 537 คัน
เช่นเดียวกัน รถยนต์ 3 ล้อก็มียอดจดทะเบียนสะสมเพิ่มขึ้น 39.91% เป็น 978 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 104 คัน และรถยนต์รับจ้างสามล้อ 874 คัน
ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมียอดจดทะเบียนสะสม 53,953 คัน เพิ่มขึ้น 92.40% จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่รถโดยสารและรถบรรทุกไฟฟ้าก็มียอดจดทะเบียนสะสมเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยรถโดยสารเพิ่มขึ้น 13.09% และรถบรรทุกเพิ่มขึ้นถึง 144.40%
ภาพรวมตลาดยานยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มสดใสในอนาคต การเพิ่มขึ้นของยอดจดทะเบียนในทุกประเภทยานยนต์เป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ที่จดทะเบียนสะสมในประเทศไทยมีจำนวนถึง 426,642 คัน เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 37.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขนี้บ่งชี้ถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีไฮบริดในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย
กลุ่มรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ ยังคงครองตลาด HEV อย่างเหนียวแน่น ด้วยยอดจดทะเบียนสะสมสูงถึง 417,389 คัน เพิ่มขึ้น 38.19% จากปีก่อนหน้า
แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่รถกระบะและรถตู้ก็มียอดจดทะเบียนสะสมคงที่ 1 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตลาดรถจักรยานยนต์ HEV ก็มีการเติบโตเล็กน้อย โดยมียอดจดทะเบียนสะสม 9,250 คัน เพิ่มขึ้น 1.58% จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
รถโดยสาร HEV มียอดจดทะเบียนสะสมคงที่ 2 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาพรวมตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ในประเทศไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่ง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเทคโนโลยีที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ตลาดรถจักรยานยนต์และรถโดยสาร HEV จะยังมีขนาดเล็กและเติบโตไม่มากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีไฮบริดในหลากหลายประเภทยานยนต์
การเติบโตของตลาด HEV เป็นสัญญาณบวกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืนมากขึ้น
ถึงแม้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จะมีการเติบโตที่ผันผวนในบางช่วง แต่ภาพรวม ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 ยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมียอดจดทะเบียนสะสมสูงถึง 59,587 คัน เพิ่มขึ้น 20.17% จากปีก่อนหน้า
กลุ่มรถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาด PHEV ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 59,587 คัน เพิ่มขึ้น 20.17% จากปีก่อนหน้า โดยมีรถยนต์นั่งเป็นสัดส่วนหลักถึง 59,518 คัน
นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ประเภทอื่นๆ ที่มียอดจดทะเบียนสะสมเพิ่มขึ้น ได้แก่
ถึงแม้ตลาดรถยนต์ PHEV จะมีการเติบโตที่ผันผวนบ้าง แต่ภาพรวม ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 ยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์นั่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า
การเติบโตของตลาด PHEV เป็นสัญญาณบวกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืนมากขึ้น