AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการปี ในรอบ 12 เดือนระหว่างเดือนตุลาคม 2566 ถึงเดือนกันยายน 2567 ณ ด้วยตัวเลขกำไรสุดอลังการ ทะยานกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 118.21% สะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวไทย ที่กลับมาคึกคักอย่างยิ่งหลังสถานการณ์โควิด-19
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยรายงานผลประกอบการอันน่าประทับใจในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) โดย AOT ทำกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 19,182.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 118.21% หรือ 10,391.52 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ด้วยความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 40.01% คิดเป็น 67,827.79 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการขายและการให้บริการ ซึ่งเติบโตขึ้น 39.43% หรือ 18,980.38 ล้านบาท เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน มีจำนวน 31,000.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.23% หรือ 8,734.64 ล้านบาท ขณะที่รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน ก็มีจำนวนสูงถึง 36,120.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.60% หรือ 10,245.74 ล้านบาท
นอกจากนี้ AOT ยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย โดยสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายรวมให้อยู่ที่ 40,524.93 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 18.33% หรือ 6,276.70 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงจาก 70.08% ในปีก่อนหน้า เหลือเพียง 59.71% ในปีนี้
ในส่วนของปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ พบว่ามีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82% และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01% สำหรับเที่ยวบินรวม มีจำนวน 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.5% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.63% และเที่ยวบินภายในประเทศ 316,500 เที่ยวบิน ลดลง 0.73%
AOT คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง รวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.95% โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 51.36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.18% ส่วนเที่ยวบินรวมคาดว่าจะมีประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 453,750 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.02% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 354,530 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.02%
เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 AOT คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งรวม 2.86 ล้านคน และได้เตรียมความพร้อมโดยจัดที่จอดรถฟรีให้แก่ผู้ใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และหาดใหญ่ อีกด้วย
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวถึงประมาณการการจราจรทางอากาศในปีงบประมาณ 2568 ว่า ตัวเลขผู้โดยสารมีแนวโน้มฟื้นตัวใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2567 - 4 มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ประมาณ 2.86 ล้านคน ฟื้นตัว 92.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 (29 ธันวาคม 2562 - 4 มกราคม 2563)
ในจำนวนนี้เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 1.83 ล้านคน ฟื้นตัว 95.3% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 1.03 ล้านคน ฟื้นตัว 88.8% ส่วนเที่ยวบินรวมคาดว่าจะมีประมาณ 17,410 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 97.5% โดยเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 10,370 เที่ยวบิน ซึ่งถือว่าฟื้นตัวเต็ม 100% เทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 7,040 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 91.6% ด้วยปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้น AOT จึงเตรียมความพร้อมในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
ข่าวดีสำหรับผู้โดยสาร! ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition จะพร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแก่ผู้โดยสารทุกท่าน ทั้งผู้โดยสารระหว่างประเทศและผู้โดยสารภายในประเทศ โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลก่อน
ระบบ Biometric นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) การผ่านจุดตรวจค้น ไปจนถึงขั้นตอนการขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารไม่ต้องแสดงหนังสือเดินทาง (Passport) และบัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) อีกต่อไป (การยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric นี้ใช้สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น)
ปัจจัยหนุนความสำเร็จ:
ปริมาณจราจรทางอากาศคึกคัก
คาดการณ์ปี 2568 โตต่อเนื่อง
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 AOT มอบสิทธิพิเศษให้จอดรถฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) โดยมีรายละเอียดดังนี้
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ สายการบิน และผู้ประกอบการ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการบริการอย่างเต็มที่ อาทิเช่น เพิ่มความถี่ในการจัดรถเข็นกระเป๋า ดูแลความสะอาดห้องน้ำ เพิ่มเคาน์เตอร์เช็กอิน บริหารจัดการจราจรทั้งภาคพื้นและพื้นที่การบินในช่วงเวลาเร่งด่วน จัดเจ้าหน้าที่ Airport Help คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร ตรวจสภาพรถรับจ้างสาธารณะ รวมถึงจัดอัตรากำลังพลให้เพียงพอต่อการดูแลผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง
“AOT ในฐานะรัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานท่าอากาศยานที่สำคัญของประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุด ด้วยบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร ที่ต้องการเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก โดยคำนึงถึงคุณภาพการให้บริการ ความปลอดภัย และการสร้างรายได้อย่างสมดุล” ดร.กีรติ กล่าวทิ้งท้าย
AOT มุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสู่การเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก โดยยึดมั่นในคุณภาพการบริการ ความปลอดภัย และการสร้างรายได้อย่างสมดุล เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้แก่ผู้โดยสารทุกคน
บทส่งท้ายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ AOT ในปี 2567 และความพร้อมในการก้าวต่อไปอย่างมั่นคงในปี 2568 ด้วยการพัฒนาบริการ นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ และมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมท่าอากาศยาน