สัตวแพทย์ ติง ฝังซากช้างใกล้น้ำอันตรายกว่าที่คิด

สัตวแพทย์ ติง ฝังซากช้างใกล้น้ำอันตรายกว่าที่คิด เชื้อโรคหมักหมม กระจายลงแม่น้ำ สัตว์และคนที่อยู่ใต้ซากก็รับไปเต็มๆ

กรณีน้ำทะลักท่วม ปางช้างหลายแห่งในพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จนทำให้มีช้างถูกกระแสน้ำพัดและตาย 2 ตัว  อยู่ริมแม่น้ำแตง คือ "พังฟ้าใส" และ "พลอยทอง"

ซึ่งได้มีการฝังซากช้าง ด้านหลังสิบแสนรีสอร์ท โดย นางแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีฝัง

ล่าสุด วันที่ 6 ต.ค.2567 นายขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ นายสัตวแพทย์ จากโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า เข้าใจว่ามีความสูญเสียเกิดขึ้น มีความเศร้าเสียใจเกิดขึ้น แต่ทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนก็เข้ามาช่วยเหลือแก้ปัญหากันเต็มที่เต็มกำลัง

บางปัญหาก็ต้องมีสติ มีหลักวิชาการในการแก้ไขปัญหาที่เจอ เช่น ประเด็นเรื่องการเรื่องการฝังซากคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะฝังซากตรงนั้นที่ห่างจากแม่น้ำนิดเดียว ขอแนะนำด้วยความหวังดีอยู่บนพื้นฐานวิชาการ ด้วยเหตุและผลกระทบที่จะตามมาคือ

 1.ของเสียจากการเน่าสลายของซากก็จะซึมลงน้ำ

 2.ถ้าฝนตกเพิ่ม น้ำมาเพิ่ม น้ำท่วมหลุม น้ำพัดหลุมเซาะดิน เซาะตลิ่งซากก็อาจจะลอยออกมาอีก

 3.ถ้าซากเน่ามีการหมักหมมของเชื้อโรค เชื้อโรคก็กระจายลงแม่น้ำไป สัตว์เอย คนเอย ที่อยู่ใต้ซากลงไปก็รับไปเต็มๆ

เงินบริจาคตั้งมากมายควรจะเจียดมาเช่าเครื่องจักรหนักมายกเอาซากออกแล้วไปฝังในที่ๆเหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ต้องอยู่ต่อไป

ปศุสัตว์ในพื้นที่ สาธารณสุขในพื้นที่ว่าไงครับ ถ้าคิดให้ดีแก้ไขตอนนี้ก็น่าจะยังทัน โชคดีนะครับชาวแม่แตง

ด้าน วาสนา ทองสุข ผู้บริหารปางช้างแม่แตง ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ปางแม่แตงเราติดต่อรถแบคโฮขนาดใหญ่ เขาพร้อมที่จะมาเคลื่อนย้ายให้ฟรีจากบริษัทนิ่มซี่เส็ง เขาไม่คิดค่าบริการเลยค่ะ ทางคุณกัน จอมพลัง ก็ได้บริจาคเชือกมาสำหรับช่วยลากช่วยยก

แต่ทางเจ้าของช้างก็ไม่ยินดีรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ เราพยายามจะยื่นข้อเสนอให้เขาหลายอย่าง ทั้งนำช้างไปช่วยลากซากช้างให้ออกห่างจากฝั่งแม่น้ำเพื่อจะไปฝังไกลจากจุดนี้ ทางเขาก็ไม่ตอบสนอง

แต่เลือกวิธีที่จะฝังหน้าตรงจุดนี้ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้กับแม่น้ำมาก แล้วใช้แบคโฮตัวเล็ก ซึ่งไม่ทราบว่าจะขุดได้ลึกแค่ไหน พอที่จะฝังซากช้างเพื่อไม่ให้เชื้อโรคมันกระจายได้จริงไหม

ขอบคุณภาพ : เพจ พระครูอ๊อด วีรวฑฺฒโน ภิกฺขุ