ไม่ปล่อยลอยหน้าลอยตา! บอสพอล จ่อเปลี่ยนสถานะ 5 แม่ทีม จากผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหา

28 ต.ค. 67

เช็กบิลครบแน่! บอสพอลไม่ปล่อย 5 แม่ทีมลอยหน้าลอยตา “กบไมโคร” โดนด้วย เปลี่ยนสถานะผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหา จ่อส่งหนังสือกล่าวโทษต่อดีเอสไอพรุ่งนี้

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า ในวันนี้เป็นการเข้าไปรายงานสถานการณ์ให้ บอสพอล ทราบว่าสำนวนทางคดีถูกโอนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทางทีมทนายและผู้ต้องขังก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษมีประสบการณ์ในการทำคดีประเภทนี้

1730095745852

ส่วนความคืบหน้าการประกันตัวน่าจะเริ่มสัปดาห์หน้าคือเดือนพฤศจิกายน ค่อยยื่นประกันตัว เพื่อมาต่อสู้คดี เพราะต้องมีข้อเท็จจริงและเอกสาร ที่อธิบายให้พวกผมเข้าใจด้วย

ส่วนบอสดาราไม่ทราบว่าทนายจะยื่นประกันตัวหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบเขาจะยื่นประกันตัว ต่อศาลอาญา ได้หลังจากวันที่ 17 พฤศจิกายนไปแล้ว แต่ถ้าจะยื่นอุทธรณ์ คำสั่งก็สามารถทำงานได้ เลย

ส่วนบอสพอล ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า วันนี้ที่พูดคุยกันหลักๆคือ แม่ทีมตีเนียน เป็นกลุ่มผู้เสียหาย  ซึ่งตนเองได้รวบรวมรายชื่อ ผ่านโครงการ ดิไอคอนเฮลท์ แต่ตอนนี้ที่สามารถพูดได้เลย มีทั้งหมดประมาณ 5 คน

เบื้องต้นมีนายทินภัทร ตันตระเศรษฐี หรือ ฮัท ที่เป็นแม่ทีม และตีเนียนเป็นผู้เสียหาย คนๆ นี้จะเป็นคนแรกที่เราจะเปลี่ยนสถานะจากผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหา หรืออาจจะเป็นผู้ต้องหาที่ 19 ก็ได้

นางสาวชลธิชา ทรัพย์เพิ่มเสถียร หรือ ลูกตาล คนนี้ออกรายการโหนกระแส มีตัวแทนในสังกัดหลายคนมาก และได้ผลกำไรจากบริษัทไปเยอะพอสมควร

นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร  อาจจะเป็นผู้ต้องหาที่ 21

นางสาวหนึ่งฟ้า

และ นางสาวอโณทัย รวม 5 คน จะยื่นหนังสือ ถึง ดีเอสไอ ให้เปลี่ยนสถานะจากผู้เสียหาย เป็นผู้ต้องหา ร่วมกันกับเรา

ทนายวิฑูรย์ บอกว่า ทั้ง 5 คนนี้ จะไม่ปล่อยให้ใครอยู่ข้างนอก ไปก็ไปด้วยกัน ถ้าเราผิดคุณก็ต้องผิดเหมือนกัน โดยเราจะเช็กในระบบ ดิไอคอนเฮลท์ ซึ่งจะมีให้กรอกอยู่แล้วว่าได้แจ้งความไว้หรือไม่ หากคุณแจ้งความไว้แล้วคุณเป็นแม่ทีม คุณไม่รอด

ซึ่งแม่ทีม ก็คือกลุ่มคนที่มีตัวแทนอยู่ในสังกัด และบอกให้ตัวแทนมาเปิดบิล 250,000 บาทกับทางดิไอคอน โดยที่บอสทั้ง 18 คนไม่รู้เรื่อง ซึ่งไปชักชวนให้คนมาเปิดบิล และไม่ได้ประเมิน ระดับความสามารถของตัวแทน

ทนายวิฑูรย์ ยืนยันว่า การเอาผู้เสียหายมาเป็นผู้ต้องหาไม่ใช่เป็นเทคนิคทางกฎหมาย แต่ผมลากเข้ามาจริง หากเราซวยแล้วโชคร้ายเราถูกดำเนินคดี คุณก็ต้องโชคร้ายเหมือนเรา จะมาลอยตัวแบบนี้ไม่ได้ และคุณต้องมาพิสูจน์ตัวเองในชั้นกระบวนการยุติธรรม เหมือนที่เราพิสูจน์อยู่

“เรายืนยันว่าธุรกิจที่ดิไอคอนทำอยู่ไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่ได้เป็นการฉ้อโกงประชาชน แต่วันนี้ถูกกล่าวหา เมื่อเราถูกกล่าวหาแล้วคุณก็ต้องโดนด้วย ตอนนี้ผมมองว่าพวกคุณต้องพิสูจน์ตัวเอง จะมานั่งลอยหน้าลอยตาและบอกว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายไม่ได้แบบนี้ไม่ถูกต้อง คุณต้องมาเป็นผู้ต้องหา เหมือนกันกับเรา”

โดย 5 คนนี้ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า เป็นคนที่รู้จักและออกสื่อ เห็นตัวเป็นตน ส่วนที่เหลือ 2,500 คนจะต้องมานั่งคัดในรายชื่อฐานข้อมูล โดยในระบบของดิไอคอนอีกครั้ง ซึ่งเราข้อมูลครบทุกอย่าง ว่า 5 คนนี้ได้ซื้อของไปเท่าไหร่ ทำกำไรได้เท่าไหร่ ซึ่งเท่าที่ทราบกำไรเป็นหลักหลายล้าน

ทนายวิฑูรย์ บอกอีกว่า ไม่ได้เป็นการแจ้งความแม่ทีมทั้ง 5 คนนี้ แต่จะเป็นการทำหนังสือกล่าวโทษ ส่งถึงดีเอสไอ ในวันพรุ่งนี้ (29ต.ค.67) เพื่อให้เขามาเป็นผู้ต้องหาร่วมกันกับเรา เราโดนข้อหาอะไรคุณโดนเท่านั้น โดยจะไปทำเรื่องขอคัดหนังสือที่กองปราบด้วยว่าผู้เสียหายที่มาแจ้งความมีใครบ้าง ซึ่งจะได้ช่วยกันคัดว่าเป็นผู้เสียหายที่จริงหรือไม่  ถ้าหากไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริง ก็จะเปลี่ยนสถานะเขาเป็นผู้ต้องหา

เมื่อนักข่าวถามว่าลักษณะแบบนี้ จะเป็นการข่มขู่ผู้เสียหายหรือไม่ทนายวิฑูรย์ตอบว่า ไม่ใช่แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย การใช้สิทธิ์ตามกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ ซึ่งผมยืนยันชัดว่าคุณต้องเป็นผู้ต้องหากับเราเท่านั้น จะมาลอยหน้าลอยตาไม่ได้

ขณะเดียวกัน ทนายวิฑูรย์ บอกอีกว่า ตนเองได้เข้ามาเป็นทนายให้โค้ชแล็ปเต็มตัวแล้ว หลังจากที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ระธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะเข้ามาเป็นผู้รับมอบอำนาจคดี ซึ่งทางบอสพอล ก็ได้เคลียร์และได้คุยกับทางโค้ชแล็ป และได้แต่งตั้งตนเองให้เป็นทนายความโค้ชแล็ป

นักข่าวถามว่าก่อนหน้านี้โค้ชแล็ป มีการเชิญนายอัจฉริยะ เข้าไปหาหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ ยืนยันว่า โค้ชแล็ป ไม่ได้เชิญนายอัจฉริยะ เข้าไป ซึ่งในอัจฉริยะ เข้าไปในฐานะอะไรตนไม่ทราบ แต่นายอัจฉริยะ อ้างว่าญาติของผู้ต้องขังคือภรรยาของโค้ชแล็ป และเพื่อนรุ่นพี่ของโค้ชแล็ปเป็นคนติดต่อ ให้เข้าไปข้างใน แต่โค้ชแล็ปไม่ได้รู้เห็นด้วย หากเขารู้เห็นว่าภรรยาเขาติดต่อเข้ามา เขาต้องเซ็นมอบอำนาจ แต่โค้ชแล็ปไม่ได้เซ็นแสดงว่าเขาไม่ได้ยินยอม และการจะตีเยี่ยมผู้ต้องขัง ก็ต้องให้ผู้ต้องขังยินยอมเท่านั้น คนจะเป็นญาติยินยอมไม่ได้ ซึ่งก็แสดงว่าในอัจฉริยะ เข้าไป โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโค้ชแล็ป

โดยตนเองจะทำหนังสือถึงผบ.เรือนจำ ให้ตรวจสอบกรณี ที่ นาย อัจฉริยะ เดินเข้าออกห้องพนักงานสอบสวนและขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และให้ทางผบ.เรือนจำ วินิจฉัยตามสมควรว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องนี้

โดยตนเองได้ยินข่าวมาว่าทางผบ.เรือนจำจะคาดโทษไว้ไม่ให้เข้าเยี่ยม แต่ท่านขอดูก่อนว่า ทางนายอัจฉริยะ เข้าห้องสอบสวนจริงหรือไม่

ซึ่งทางผบ.เรือนจำ ยืนยันว่าไม่ได้อนุญาต แสดงว่าที่นายอัจฉริยะกล่าวอ้างว่าเรือนจำอนุญาตก็เป็นการกล่าวอ้างฝ่ายเดียว ซึ่งก็แสดงว่าต้องมีฝ่ายใดโกหก แต่ส่วนตัวเชื่อ ผบ.เรือนจำ ว่าคงไม่โกหก เพราะท่านคงไม่ อนุญาตมั่วซั่วแน่นอน

ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่า พฤติกรรมของนายอัจฉริยะ ที่ทำแบบนี้ มีเจตนา อยากเข้ามาแทรกแซง การทำงานของฝั่งเรามากกว่า  และยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการเรียกรับเงินหรือไม่

และย้ำว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะถูกเช็กบิล ครบแน่นอน

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส