"สันธนะ" แจ้งความเอาผิดกับเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" หมิ่นประมาท ทำเสื่อมเสียชื่อเสียง

1 พ.ย. 67

"สันธนะ" หอบหลักฐาน แจ้งความหมิ่นประมาท เพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" พาดพิงรีดทรัพย์บ่อนกาสิโนในพื้นที่โคราช เชื่อฝีมือคนวงการตร.

วันนี้ (1พ.ย.67) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมายัง สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความเอาผิด กับเพจเฟซบุ๊กอีซ้อขยี้ข่าว ที่กล่าวหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

โดยนายสันธนะ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้เบาะแสเข้าตรวจสอบบ่อนพนัน 2 บ่อนที่อยู่ใน จ.นครราชสีมา ซึ่งในจำนวนนี้มีบ่อนที่ปรากฏชื่อเจ้าของเป็นตำรวจและพบข้อมูลการจ่ายค่าคุ้มครองให้กับตำรวจ โดยหนังสือดังกล่าวตนทำเป็นหนังสือลับ

1730436775440_1

แต่ปรากฏว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กซึ่งเป็นชื่อชาวเมียนมา แต่รูปโปรไฟล์ใช้รูปนายตำรวจ นำหนังสือดังกล่าวไปโพสต์ในกลุ่มเพจอีซ้อขยี้ข่าว กล่าวหา ตนเองด้วยถ้อยคำหยาบคายอ้างว่า ข่มขู่บ่อนการพนัน เพราะไม่เคลียร์เงินให้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และข้อมูลบ่อนที่ตนส่งมอบเป็นเบาะแสให้กับตำรวจก็เป็นเรื่องจริง เรื่องนี้ถือเป็นการกล่าวหาที่ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนเลยเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นท้องที่ที่ตนพบเจอเรื่องดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

นายสันธนะ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากประเด็นที่ตนมาแจ้งความเพื่อเอาผิดข้อความดังกล่าวแล้ว ตนยังต้องการที่จะให้เพจอีซ้อขยี้ข่าวถูกปิด ซึ่งหมายรวมไปถึงกลุ่มดังกล่าวด้วย โดยนายสันธนะ เปิดโปงว่า เพจดังกล่าวนั้นได้สร้างกลุ่มขึ้นมาเพื่อนำเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแฝงตัวเป็นสมาชิกและปล่อยข้อมูล Fake News กล่าวหาบุคคลอื่นที่ทำให้เสียประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเพจปลอมหรือไม่ก็ตาม

ซึ่งในกรณีนี้ตนเชื่อว่า เป็นฝีมือของคนในวงตำรวจ ที่ตนไปร้องเรียนแจ้งเบาะแสแน่นอน เพราะนำหนังสือลับทางราชการมาเปิดเผยและใช้เฟซบุ๊ก ชาวเมียนมามาโพสต์ ซึ่งเชื่อว่าชาวเมียนมาไม่มีสิทธิ์เข้าถึงหนังสือฉบับนี้ได้ โดยเหตุผลเกิดจากการที่ตนเปิดโปงเรื่องดังกล่าวทำให้เกิดการเสียผลประโยชน์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงอาศัยใช้เพจนี้มาเป็นเครื่องมือในการทำให้ตนเสื่อมเสีย

อีกทั้งเพจดังกล่าวนั้น ก็เป็นเพจที่สังคมและสื่อมวลชนนำไปใช้เป็นแหล่งข่าวจากการที่เพจนี้นำข้อมูลต่าง ๆ มาแฉ แต่จริงเท็จอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ซึ่งที่จริงแล้ว เป็นการหลอกล่อใช้สื่อมวลชนและสังคมเป็นเครื่องมือในการโจมตีบุคคลอื่น ซึ่งเพจลักษณะแบบนี้นั้น เมื่อรับงาน มาจากคนในหน่วยงานของรัฐแล้ว ก็จะมีงานเรียกเงินค่าตอบแทน โดยก่อนหน้านี้เคยมีเพจลักษณะเดียวกันที่เรียกค่าตอบแทนสูงถึง 10 ล้านกว่าบาท ซึ่งเพจอีซ้อขยี้ข่าวตนก็เชื่อว่ามีลักษณะพฤติกรรมแบบเดียวกัน

ตนจึงอยากจะบอกผ่านสื่อมวลชนไปถึงประชาชนว่า เพจเหล่านี้เชื่อถือไม่ได้และเป็นเพียงเครื่องมือของคนในหน่วยงานรัฐที่ใช้เล่นงานคนที่ทำให้เสียผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นแหล่งปล่อยข้อมูล Fake News ที่สื่อมวลชนไม่ควรให้คุณค่า จึงหวังว่าทางตำรวจ สน.ลุมพินี จะสามารถส่งเรื่องให้ทางตำรวจไซเบอร์ดำเนินการปิดเพจดังกล่าวได้

ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามว่า จากกรณีที่เพจอีซ้อขยี้ข่าว ได้พยายามเปิดโปงเกี่ยวกับคดีดังที่เกิดขึ้นในตอนนี้ การอาศัยจังหวะนี้ในการร้องเรียนเพจดังกล่าวถือว่าเป็นการ เปลี่ยนประเด็นหรือไม่ นายสันธนะ ระบุว่าไม่เกี่ยว ส่วนที่เพจนั้นจะเปิดโปงคดีดังนั้นก็ทำไป แต่อยากให้สังคมรู้ว่าเพจนี้นั้นเป็นเพียงเครื่องมือในการปล่อย Fake News ในหลายกรณีและมีไว้บ่อนทำลายคนขัดผลประโยชน์ผู้มีอำนาจในหน่วยงานของรัฐ

นอกจากนี้ นายสันธนะ ยังกล่าวถึงตำรวจที่เรียกรับสินบน หรือผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมายว่า ยังคงมีแฝงอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทำให้สูญเสียต่อหน่วยงาน และทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจ โดยก่อนหน้านี้ ตนได้ทำหนังสือยื่นไปถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของนายตำรวจระดับนายพลจำนวน 10 นาย แบ่งเป็นพลตำรวจโท 4 นาย และพลตำรวจตรี 6 นาย เพราะเนื่องจากพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมายและเกี่ยวข้องกับการเปิดบ่อนพนัน

ซึ่งมองว่า เรื่องนี้นั้นเป็นบททดสอบของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบันที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างไม่มีต้นทุนว่า จะสามารถดำเนินการตรวจสอบและจัดการกับตำรวจที่กระทำความผิดได้หรือไม่ เพื่อเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตนเอง เพราะตนเชื่อว่า ตอนนี้คงดองหนังสือตนเองอยู่บนโต๊ะทำงานของ ผบ.ตร. หากไม่สามารถที่จะจัดการตำรวจที่ทำผิดหรือเคลียร์ตำรวจที่ไม่ดีในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ก็เกรงว่าอาจจะดำรงตำแหน่งไม่ครบ 2 ปีตามวาระ

ส่วนเรื่องแนวคิดรัฐบาล ในการทำ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” นายสันธนะ ระบุว่า ตนทราบข้อมูลดีทั้งหมด ว่าเป็นผลประโยชน์ของใคร และกลุ่มทุนได้เข้ามาแล้ว ซึ่งขอท้าในประเทศนี้ใครจะรู้เรื่องคาสิโนเท่าตน ให้ช่วยออกมาแสดงตัว

แต่ทำไมตนถึงไม่เคยได้รับคำเชิญให้ไปชี้แจงให้ข้อมูลทั้งฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติการ เพราะตนรู้มากเกินไป ถ้าตนเข้าไปเจ้าไปจะวงแตก

นอกจากนี้ไม่ควรเลี่ยงการใช้สถานบันเทิงครบวงจรให้พูดไปเลยว่าต้องการเปิดกาสิโน  เพราะรายได้ทำธุรกิจนี้ 60% มาจากการเล่นพนัน ดังนั้นอย่าไปหลอกประชาชน

นอกจากนี้ยังมีล็อกเป้าไว้สำหรับพื้นที่ที่ต้องการจะเปิด และตนมีหลักฐานที่มีการพูดคุยกับกลุ่มทุนทำการเก็บข้อมูลต่างๆ ซึ่งรัฐบาลฝ่ายการเมือง หรือเอกชนที่ใกล้ชิดฝ่ายการเมือง ซึ่งผลประโยชน์คือจะต้องทำการขายที่ดิน และขายใบอนุญาตเปิดกาสิโน

แต่เรื่องนี้หากจะทำในแนวคิดตนมองว่า รัฐบาลต้องซื้อดินที่จะเป็นที่ตั้งกาสิโน จะต้องเป็นของรัฐบาล แต่หากจะให้เอกชนเข้ามาฝ่ายที่รับผิดชอบต้องไปพูดคุยถึงราคาที่ดินที่จะนำเข้ามาทำ และเรื่องใบอนุญาตกาสิโน ต้องเข้าใจแบบออฟไลน์แทบไม่มี เพราะเขาเล่นแบบออนไลน์กันหมดแล้ว และสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเรื่องอาชญากรรม และขนาดตำรวจก็เป็นโจรซะเอง และยังไม่สามารถที่จะจัดการปัญหาอาชญากรรมในประเทศได้ ให้เป็นที่ไว้วางใจและศรัทธากับประชาชนและสังคม และหากมีกาสิโนต้องมีการกำหนดห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง เข้าไปมีผลประโยชน์.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส