"ผู้การแต้ม"เชื่อ ทนายตั้มรอดยาก โดยเฉพาะเงิน 39 ล้านบาท ยิ่งชัดว่าหลอกลวง ทำเป็นขบวนการ วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน
วันที่ 8 พ.ย.67 กรณีที่ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิดและนางปทิตตา ภรรยา ถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดี 4 ข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า คดีก่อนที่ตำรวจจะออกหมายจับ คงสอบสวนพยานหลักฐานอย่างน้อยไป 80% แล้ว ดังนั้นก็เหลือพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เรื่องเส้นเงิน หรืออาจจะมีพยานเพิ่มเติม ส่วนคดี 39 ล้านบาท เดี๋ยวเขาก็สอบแล้วก็ขอหมายจับคนอื่น ส่วนทนายตั้ม ก็ใช้วิธีอายัดตัว แล้วก็แจ้งข้อหาเพิ่มก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ทุกคดีมันก็จะเชื่อมกัน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่มีการออกหมายเรียก ก่อนนั้น
ผู้การแต้ม ระบุว่า คดีนี้มันเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน อันที่สอง เขาดูโทษ ถ้าโทษต่ำกว่า 3 ปี ต้องออกหมายเรียก ถ้าไม่มาก็อาจจะออกหมายจับ แต่คดีที่โทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก ออกหมายจับได้เลย
ใครจะตัดสินยังไงมันอยู่ที่ศาล แต่คำให้การของผู้เสียหายกับพยานหลักฐานสนับสนุน ดูว่าศาลจะฟังใคร ถ้าพยานสนับสนุนฝั่งพี่อ้อย น่าเชื่อถือ ทนายตั้ม ยังไงก็สู้ไม่ได้ แต่ทนายตั้ม ตอนนี้มีสู้อย่างเดียว ก็คือคำว่า เสน่หา และที่สำคัญก็คือ คดีเรื่อง 39 ล้านบาท ตนมองว่าคดีนี้มันเป็นการหลอกลวงเป็นขบวนการ มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน คดีนี้ตนว่ารอดยาก
ส่วนคนที่เกี่ยวข้อง ถึงจะยังไม่สามารถจับได้ แต่ถ้าเส้นเงินไปถึง ก็นำมาเป็นพยานหลักฐานได้ ก็เป็นหน้าที่ที่ตำรวจจะออกหมายจับต่อไป พยานหลักฐานมันเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้ตัวมาสอบสวน
ส่วนเรื่องที่ว่า ทนายตั้ม จะได้ประกันตัวไหม ตนว่าศาลคงดูพยานหลักฐาน จากตำรวจว่าคัดค้านหรือไม่ และศาลจะต้องดูดุลยพินิจความหนักเบาของคดี ดูว่าหลบนี้หรือไม่ ยุ่งเหยิงกับพยานหรือไม่ และการที่มาแถลงข่าวนั้น นั่นก็คือการยุ่งเหยิงพยาน และถ้าเกิดว่าไปสอบถาม ครูปรีชา เกี่ยวกับพฤติกรรมเก่า มีการปลอมตัวหรือไปอ้างว่าเป็นดีเอสไอ นี่แหละคือการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ถ้าเกิดเอาอันนี้ไปประกอบในสำนวนจะมีปัญหาทันที
ตัวเขาเป็นทนายแล้วก็มาทำผิดเสียเอง อันนี้แหละเป็นสาเหตุที่เราวิพากษ์วิจารณ์ ว่าทำไมสอบหลายครั้ง จริงๆแล้วตำรวจเขาต้องเก็บรายละเอียดทั้งหมด ต้องเข้าใจว่า ทนายตั้ม เป็นทนาย มีแสง มีสี มีพวก ดังนั้นเขาต้องทำให้ละเอียดที่สุด เพื่ออุดประเด็นทุกประเด็นที่ทนายตั้มจะสู้
เขาวิตกตั้งแต่วันแถลงข่าวแล้วตนดูแววตาเขาดูเครียด เขาอาจจะไม่มีหลักทรัพย์ในการประกันตัว และถ้าการยื่นประกันตัวครั้งแรกไม่ได้ ครั้งต่อไปลำบากมาก ฉะนั้นตนว่าเขาต้องพร้อมที่สุด.