'บุญสงค์' ปลัดแรงงานมอบนโยบาย “MOL TRUST” ให้ ขรก.ทั่วประเทศ ขับเคลื่อนกระทรวงแรงงาน เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น ไว้วางใจ ในการพัฒนาแรงงานทุกมิติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 08.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงาน แก่ข้าราชการกระทรวงแรงงานทั่วประเทศเพื่อขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงแรงงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า ภายใต้การนำของท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งเน้นนโยบาย “หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นทักษะทันสมัย คนไทยมีงานทำ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เศรษฐกิจ แรงงานไทยมั่นคง”ขับเคลื่อนภารกิจสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการทำงานของพี่น้องผู้ทำงาน รุกนโยบายกว่า 24 ข้อ ขับเคลื่อนโครงการ/กิจกรรมกว่า 90 โครงการ/กิจกรรม งบประมาณรวมทั้งสิ้นเกือบ 12 ล้านบาท โดยใช้แนวคิด “MOL TRUST” ขับเคลื่อนกระทรวงแรงงานสู่ความสำเร็จ เป็นองค์กรที่เป็นที่ ยอมรับ เชื่อมั่น ไว้วางใจ ในการพัฒนาแรงงานในทุกมิติ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
นายบุญสงค์ กล่าวต่อว่า ในระยะเวลา 1 เดือน ที่ผมได้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน ผมมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนภารกิจสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการทำงานของพี่น้องผู้ทำงานทั่วประเทศ โดยนโยบายกระทรวงแรงงาน ปี 2568 ต่อจากนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความท้าทายด้านแรงงานในปัจจุบัน และส่งเสริมการสร้างระบบแรงงานที่มั่นคง มีประสิทธิภาพ และทันสมัย ผมจะใช้นโยบายกระทรวงแรงงาน ปี 2568 “หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นทักษะทันสมัย คนไทยมีงานทำ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เศรษฐกิจ แรงงานไทยมั่นคง” ภายใต้ การกำกับดูแลของท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นเข็มทิศในการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนกระทรวงแรงงานให้เป็น “ครอบครัวแรงงาน” เป็นองค์กรที่เป็นที่ “ยอมรับ เชื่อมั่น ไว้วางใจ” ในการพัฒนาแรงงานในทุกมิติ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องแรงงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบการ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งผมจะดำเนินนโยบายหลักให้ทุกภาคส่วนได้รับการคุ้มครองและได้รับสิทธิประโยชน์ที่เป็นธรรม เป็นแรงงานมีศักยภาพสูง มีงานทำ มีรายได้และหลักประกันทางสังคมที่ดี
นายบุญสงค์ ยังกล่าวต่อว่า ผมจะขับเคลื่อนกระทรวงแรงงาน โดยใช้ MOL TRUST ไปสู่การปฏิบัติ คือ T : Teamwork ทำงานเป็นทีม เราทีมเดียวกัน “ครอบครัวแรงงาน” 6 หน่วยงาน ภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงาน ทำงานและบูรณาการขับเคลื่อนภารกิจเป็นทีมเดียวกัน คือ ทีม “ครอบครัวแรงงาน” ให้คิดว่า “ทำงานหน่วยงานเดียวได้งานเดียว ใช้เวลามาก แต่ถ้าทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ได้หลายงาน ได้ประโยชน์หลายฝ่าย งานเร็วขึ้น ง่ายขึ้น งบประมาณคุ้มค่าขึ้น” R : Reform ปฏิรูปองค์กรสู่ “กระทรวงแรงงานยุคใหม่ ” ครอบครัวแรงงานรวมกันเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน มีบริการที่สะดวก รวดเร็ว ประทับใจ การทำงานที่โปร่งใส เป็นที่ยอมรับจากสังคมU : Unity มีความเป็นหนึ่งเดียว ขับเคลื่อนการทำงาน ทิศทางเดียวกัน สู่วิสัยทัศน์ กระทรวงแรงงาน “แรงงานมีศักยภาพสูง มีงานทำและมีหลักประกันทางสังคมที่ดี” S: Smart & Smile บุคลากรกระทรวงแรงงาน สง่างาม ด้วยบุคลิกภาพที่ดี มีความรู้และความเป็นมืออาชีพในการทำงาน บริการด้วยใจ ด้วยรอยยิ้ม และคุณภาพบริการที่เป็นเลิศเกินความคาดหมาย T : Technology มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ก้าวล้ำทันสมัย สนับสนุนการให้บริการ การบริหารงาน และการปฏิบัติงาน อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบ IT ดี สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย บุคลากรกระทรวงแรงงานตามทันเทคโนโลยี และใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ
นายบุญสงค์ ยังเน้นย้ำถึง นโยบายในการหาตลาดแรงงานต่างประเทศ โดยจะให้สำนักงานแรงงานต่างประเทศ (สนร.) แสวงหาตลาดแรงงานไทยเพิ่มเติม ทั้งในอุตสาหกรรมหรือบริการเดิม อุตสาหกรรมหรือบริการใหม่ที่แรงงานไทยมีโอกาส และส่งข้อมูลมาให้กระทรวงเพื่อจะได้จับคู่กับแรงงานที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศในลักษณะ MOL Matching รวมทั้งจัดทำ Road show ศักยภาพแรงงานไทยเพื่อขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศต่อไป การตรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และผลประชุมแรงงานอาเซียน โดยจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อทั้งภาพลักษณ์ของประเทศ และกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกสินค้าไทยได้ และการทำงานเชิงรุก โดยเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน
“ ผม และพี่น้องครอบครัว แรงงาน ทุกคนซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศจำนวน 15,649 คนมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าผลักดันนโยบายให้พี่น้องแรงงานได้รับการคุ้มครองและการสนับสนุนที่เป็นธรรม และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมแรงงานที่เข้มแข็งและมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป ผมเชื่อมั่นว่า ผลสำเร็จของงาน ขึ้นอยู่กับแนวคิดที่เรียกว่า TRUST ซึ่งก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขององค์กรเพิ่มมากขึ้นและเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยความสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจ เป็นหนึ่งเดียวของทุกคนในองค์กร” นายบุญสงค์ กล่าว