จากกรณี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทน ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ได้ติดตามคดีนักเรียนหญิง อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 ถูกครูฝ่ายปกครองข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม 6
วันนี้ (2ก.พ.) ทีมข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ใน อ.กระทุ่มแบน โดยทาง ผู้อำนวยการโรงเรียน บอกแต่เพียงว่า ทางโรงเรียนได้ประชุมหารือกับ สำนักงานเขตขั้นพื้นฐานแล้วว่า จะไม่ให้ข้อมูลข่าวใดๆ เนื่องจากจะมีผลกระทบกับตัวเด็กนักเรียนคนดังกล่าว และทางเด็กนักเรียนเองก็ตั้งใจที่จะมาเรียนตามปกติ
ทีมข่าวจึงได้สอบถามเรื่องราวของครูคนดังกล่าว กับผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ชื่อ
นายบอล (นามสมมติ) เล่าว่า ปกติ ครูเอ (นามสมมติ) ค่อนข้างนิสัยดี ร่าเริง สนุกสนาน แต่เด็กมักจะกลัวเพราะเป็นครูฝ่ายปกครอง และยังสอนวิชาพระพุทธศาสนาด้วย โดย ครูเอ ค่อนข้างจะดุเด็กเสียงดัง ช่วงเลิกเรียนก็จะมาคอยต้อนให้เด็กนักเรียนกลับบ้าน เพราะเกรงว่าเด็กจะตีกัน
ส่วนตัวไม่เคยเห็น ครูเอ อยู่กับเด็กนักเรียนหญิงสองต่อสอง และไม่ทราบเรื่องส่วนตัวของครู แต่ทราบว่าครูสอนมานานกว่า 10 ปี แล้ว พอทราบข่าวก็รู้สึกช็อกและเป็นกังวล เพราะมีลูกสาว 2 คน เรียนอยู่ที่นี่ เรียนชั้น ป.2 กับ ป.5 แต่ไม่ได้เรียนกับครูคนนี้โดยตรง คิดไม่ถึงว่าครูจะทำแบบนี้ เพราะครูค่อนข้างชอบช่วยเหลืองานวัด เวลามีงานบุญก็จะมาช่วยทางวัดขายธูปเทียน บางครั้งก็พาเด็กนักเรียนมาช่วยขายด้วย โดยครูหลายท่านในโรงเรียนก็ค่อนข้างนับถือ และหลังเกิดเหตุก็ไม่เห็นครูเอ
ทีมข่าวจึงเดินทางมายังชุมชนบ้านอิ่มอัมพร 9 ซึ่งเป็นบ้านของ
เด็กหญิงแซน (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่เรียนอยู่ชั้น ม.1 โดย
แม่น้องแซน เล่าว่า น้องแซนเคยบอกกับตนว่า ไม่อยากเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งนี้ แต่ตนก็ไม่ได้สอบถามถึงเหตุผล และยังอยากให้ลูกเรียนต่อ ยอมรับว่า ไว้ใจครูคนนี้มาก เพราะเป็นคนดี เด็กคนไหนเกเรครูจะช่วยอบรมสั่งสอน แต่ก็เคยได้ยินว่า เวลาครูตรวจนักเรียนจะใช้ไม้เขี่ยที่บริเวณหน้าอกของเด็กนักเรียนหญิง ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง
ส่วนสภาพจิตใจของ น้องแซน ตอนนี้ดีขึ้นและเข้มแข็งมาก ยังอยากไปเรียนตามปกติ ซึ่งตนก็พยายามให้น้องสู้ ส่วนตัวกังวลเหมือนกันว่าหากน้องกลับไปเรียน แล้วเพื่อนจะสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ทางครูที่โรงเรียนรับปากกับครอบครัวแล้วว่าหากน้องไปเรียนก็จะไม่ให้เด็กหรือครูในโรงเรียนมีการพูดถึงเรื่องนี้อีก ถ้าหากใครพูดถึงก็จะถือว่ามีความผิดตามกฎของโรงเรียน ทั้งนี้ ทางคุณครูยินดีจะอำนวยความสะดวกเรื่องการสอบต่างๆให้น้องแซนด้วย
ภายหลังทราบเรื่องว่า ครูเอ เครียดมากจนถึงคิดฆ่าตัวตาย ทาง น้องแซน เองก็รู้สึกไม่ดีด้วยเช่นเดียวกัน น้องยังอยู่ในภาวะสับสนว่า ตนทำถูกหรือไม่ที่บอกเรื่องนี้กับทางครอบครัว เพราะครูเป็นคนดีมากทั้งกับเด็กในโรงเรียน และน้องแซนเอง น้องจึงนอนร้องไห้ทั้งคืน พร้อมขอให้แม่พาไปเยี่ยมครูด้วย แต่ทางแม่บอกกับทีมข่าวว่าตนยังขอปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนในเรื่องนี้ เพราะหากได้พบครูอีก ตนคงมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามครู ว่าทำไมถึงทำแบบนี้
ตอนนี้ตนเพียงอยากให้เรื่องนี้เงียบไปก่อน แล้วจึงจะให้น้องกลับไปเรียน อีกทั้งระหว่างนี้ยังคงต้องเดินทางไปดำเนินคดีที่ศาลอีกหลายครั้ง คาดว่าน้องแซนน่าจะกลับไปเรียนได้ในช่วงสัปดาห์ถัดไป
นายนัท (นามสมมติ) อดีตลูกศิษย์ของครูเอ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ครูท่านนี้ประจำที่ฝ่ายปกครอง สอนทั้งวิชาพละศึกษา และพระพุทธศาสนา โดยสอนตนตั้งแต่เรียนชั้นประถมปลาย จนถึงมัธยมปลาย ปกติแล้ว ครูเอ เป็นคนใจดี เข้มงวดเรื่องระเบียบวินัย ทั้งทรงผม การแต่งกาย บางครั้งมีเด็กดื้อครูก็สามารถจัดการอบรมให้เด็กเป็นคนดีได้
สำหรับข่าวที่ออกมาว่าครูข่มขืนเด็กรียนนั้น ส่วนตัวคิดว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบของครู เพราะตนและเพื่อนเองยังแทบไม่เชื่อว่าเป็นครูคนนี้ ครูเป็นคนดีมาก ตนยอมรับว่าตกใจ ทั้งตนและเพื่อนตนก็รักครูคนนี้มาก ครูเป็นคนที่สอนเด็กโดยใช้เหตุผล ถามว่าดุไหมก็ดุมากและเข้มงวดมาก
ตนเองก็เคยเห็นว่าครูเอเคยเรียกเด็กผู้หญิงเข้าไปพูดคุยส่วนตัว หากเด็กคนนั้นทำผิดระเบียบ แต่ก็ไม่เคยเห็นว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ หลังเกิดเหตุพอทราบว่าครูเข้าคุกแล้ว ตนก็คิดอยากจะไปเยี่ยมครู อยากพูดกับครูว่าไม่มีใครโกรธครู ทุกคนมีแต่คนอยากให้กำลังใจ ไม่อยากให้ครูคิดสั้นฆ่าตัวตาย ตนเองก็อยากขอให้สังคมเข้าใจว่า ครูก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เพียงแต่แกอาจจะผิดพลาดไป