จากกรณีเมื่อเวลา 22.30 น. ของคืนวันที่ 5 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.อานนท์ จันทร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต ในพื้นที่ ต.ดอนยายหอม อ.เมืองนครปฐม
โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นยกพื้นสูง มีใต้ถุน ที่เปลใต้ถุนบ้านพบศพนายณัฐพงศ์ มณีโชติ อายุ 30 ปี อาชีพเลี้ยงกุ้ง สภาพนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ในเปล สวมกางเกงขาสั้นสีแดง ที่มือถือเสื้อยืดสีขาว คาดผ้าขาวม้าที่เอว ตรวจสอบบาดแผลพบว่าถูก ยิงเข้าที่หัวไหล่ 3 นัด ท้ายทอย 1 นัด เฉี่ยวเข้านิ้วมือแถบซ้าย 1 นัด ด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่พื้นพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ ก่อนนำศพส่งตรวจชันสูตรพลิกศพที่ รพ.นครปฐม
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุอาจมาจากเหตุหึงหวง และเรื่องชู้สาว อย่างไรก็ตามจะนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
ล่าสุดวันที่ 6 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านหลังที่เกิดเหตุ ในพื้นที่ ต.ดอนยายหอม อ.เมืองนครปฐม ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ยกพื้นสูง มีใต้ถุน บริเวณรอบบ้านมีเชือกสีเหลืองแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นอยู่ โดยไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ
ขณะที่เปลนอนใต้ถุนบ้าน จุดที่มีการฆาตกรรม พบว่ามีกองเลือดขนาดใหญ่อยู่ที่พื้นและรอยคราบเลือดตกอยู่ที่พื้นจำนวนมาก ใกล้กันมีแคร่นั่งห่างจากเปลนอนเพียง 2 เมตร มีขวบเบียร์ ขวดโซดา ที่คนเสียชีวิต คนก่อเหตุ และกลุ่มเพื่อนดื่มกินวางอยู่จำนวนมาก
ทีมข่าวสอบถามไปยัง ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ระบุว่า เบื้องต้นมีการสอบปากคำ น.ส.อุ้ม แฟนคนก่อเหตุ และพยานปากในที่เกิดเหตุหลายคน กระทั่งทราบว่า วันเกิดเหตุ เมื่อคืนวันที่ 5 ต.ค.63 นายแบงค์ (คนตาย) นายโบว์ (คนก่อเหตุ) และน.ส.อุ้ม (แฟนสาวคนก่อเหตุ) และเพื่อนชายอีก 6 คน รวมทั้งหมด 9 คน นั่งกินเบียร์ กินเหล้า อยู่ที่แคร่หน้าบ้าน
โดยผู้เสียชีวิตนำอาวุธพกสั้นขนาด 9 มม. ติดตัวมาด้วย โดยเริ่มดื่มเบียร์ตั้งแต่ 18.00 น. ระหว่างดื่มกินทั้งคนก่อเหตุและผู้เสียชีวิต มีปากเสียงขัดแย้งกันเล็กน้อย เรื่องความหึงหวง น.ส.อุ้ม แฟนสาวคนก่อเหตุ
กระทั่งถึงเวลาประมาณ 22.00 น. ทั้งหมดมีอาการเมา จากนั้นผู้ตายเดินออกจากแคร่ ไปนอนที่เปล วางอาวุธปืนที่นำมาไว้ที่แคร่ แล้วบอกกับคนก่อเหตุว่า "ฝากปืนไว้หน่อย" จากนั้นคนก่อเหตุ หยิบอาวุธปืนที่วางอยู่แคร่ ไปยิงผู้เสียชีวิต 2 นัด ผู้เสียชีวิตจึงตะโกนถามคนก่อเหตุว่า "โบว์ ยิงกูทำไม" ก่อนจะหันปืนไปยัง น.ส.อุ้ม จังหวะนั้น น.ส.อุ้ม วิ่งหลบหนีทัน เพื่อนบางคนวิ่งหนี และมีเพื่อนชายอีก 3 คน เข้ามาพยายามแย่งอาวุธปืนจากมือคนก่อเหตุ แต่ไม่สำเร็จ คนก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิตซ้ำอีก 3 นัดจนดับคาที่ ก่อนขับรถยนต์ของ น.ส. อุ้ม หลบหนีไป
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสำเภา อินทร์สน อายุ 63 ปี เพื่อนบ้านนายโบว์ ระบุว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ตนนอนหลับอยู่ในห้องพัก จังหวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง คล้ายเสียงประทัดหลายนัด ตอนแรกเข้าใจว่ามีคนจุดประทัด ไม่คาดคิดว่าเป็นเสียงปืน ด้วยความกลัวช่วงเกิดเหตุไม่กล้าเดินออกมาดู กระทั่งได้ยินเสียงชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุ จึงเปิดประตูห้องออกมาดู ตอนแรกไม่ทราบว่ามีคนตาย กระทั่งมีการเคลื่อนย้ายศพออกมา จึงรู้ว่ามีเหตุจ่อยิงกันตายคาบ้าน
นางสำเภา เล่าต่อว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทหรือมีปากเสียงกัน และไม่ทราบว่ามีคนมาดื่มเบียร์สังสรรค์กัน ที่ผ่านมาคนเสียชีวิตและคนก่อเหตุ ไม่เคยมีปากเสียงกัน จึงไม่คาดคิดว่า นายโบว์ จะยิงเพื่อนจนเสียชีวิต
สำหรับนิสัยใจคอของ นายโบว์ (คนก่อเหตุ) เป็นคนนิสัยดี ไม่เกเร ไม่ก้าวร้าว ไม่เคยหาเรื่องใคร ไม่มีปากเสียงทะเลาะกับเพื่อนบ้าร หรือข่มขู่ใคร อีกทั้งไม่เคยเห็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาก่อนด้วย ส่วนแฟนสาวของนายโบว์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เป็นชนวนการก่อเหตุนั้น ตนไม่รู้จักกับแฟนสาวนายโบว์
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่า รู้สึกกลัว ตกใจ และเสียใจมาก ขณะเกิดเหตุตนแทบเป็นลม เพราะไม่เคยมีใครมายิงกันตายคาบ้านแบบนี้ และตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ตนไม่พบเห็นนายโบว์ (คนก่อเหตุ) กลับเข้ามาบ้านอีกเลย
ต่อมาทีมข่าวเดินทางมายังวัดดอนยายหอม ต.ดอนยานหอม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม สถานที่จัดงานศพของนายณัฐพงศ์ มณีโชติ อายุ 30 ปี อาชีพเลี้ยงกุ้ง (ผู้เสียชีวิต) โดยพ่อแม่ ญาติและครอบครัว เดินทางไปรับศพที่นิติเวช รพ.นครปฐม เพื่อมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ทางศาสนา โดยเคลื่อนย้ายศพมาถึงวัดในเวลาประมาณ 12.00 น. เพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. โดยมีญาติสนิท เพื่อน พี่น้อง เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก
โดยระหว่างที่ทีการประกอบพิธีรดน้ำศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีนางสาวอุษา กล่องเงิน อายุ 29 ปี (แฟนสาวคนเสียชีวิต) ยืนอยู่ด้านข้างศพ กุมที่มือขวาของศพพร้อมร้องไห้เสียใจตลอดเวลา ขณะที่ญาติ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องและแขกในงานรดน้ำศพ ต่างก็ร้องไห้เสียใจ และสวมกอดให้กำลังใจแฟนสาวของผู้เสียชีวิต
นางโป่งมณี รุ่งสุวรรณ อายุ 53 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ทราบข่าวจากที่ญาติโทรศัพท์มาบอกว่า แบงค์ ลูกชายของตนถูกยิงจนเสียชีวิตจึงรีบไปดู ทันทีที่รู้ว่าลูกเสียชีวิต ทั้งตกใจ และเสียใจ เพราะเหลือลูกชายเพียงคนเดียว จึงรู้สึกทำใจไม่ได้ สูญเสียลูกชายกะทันหัน เป็นลูกชายที่ตั้งความหวังไว้มาก ทั้งเรื่องการหาเงิน และตั้งความหวังให้เป็นที่พึ่งดูแลพ่อแม่
ก่อนหน้านี้ ไม่ได้รับการติดต่อจากลูกชาย เป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากต้องเลี้ยงกุ้ง ล้างบ่อ ดูแลบ่อกุ้ง กระทั่งทราบข่าวเสียชีวิต ตนไม่คาดคิดว่าจะสูญเสียลูกชายกะทันหันแบบนี้ โดยที่ผ่านมา นางโป่งมณี ไม่เคยรับรู้ปัญหาของลูกชาย เพราะไม่เคยมาปรึกษาอะไร แต่เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องชู้สาว ไม่คิดเอาแฟนเพื่อนแน่นอน เพราะแฟนสาวคนเสียชีวิตหน้าตาดีคบกับลูกชายมานาน 4 ปี
แม่ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่า โกรธคนก่อเหตุ ผิดหวังที่ยิงลูกชายอย่างโหดเหี้ยม ตนรักคนก่อเหตุเหมือนลูกชายคนหนึ่ง เพราะคนก่อเหตุสนิทกับผู้เสียชีวิต จึงไม่คาดคิดว่า จะกล้าก่อเหตุยิงลูกชายของตน เพราะลูกชายเป็นคนรักเพื่อน และเป็นที่รักของเพื่อนฝูง จึงไม่มีลางสังหรณ์ ไม่มีเรื่องเอะใจหรือระแวงอะไร
ขณะเดียวกันทีมข่าวเดินทางต่อมายัง บ้านของแฟนผู้เสียชีวิต น.ส.อุษา อายุ 29 ปี ซึ่งอยู่ภายในบ้าน ยังอยู่ในอาการร้องไห้เสียใจตลอดเวลา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันที่ 10 ต.ค.63 นี้ จะครบรอบ 4 ปีที่คบหาดูใจกัน และอีกไม่นานจะแต่งงาน อยากบอกว่า นายโบว์ (คนก่อเหตุ) ทำชีวิตคู่ตนพัง ทำแผนอนาคตที่จะแต่งงานพังทั้งหมด ไม่มีการแต่งงานและไม่มีแฟนหนุ่มอีกแล้ว
ขณะนี้ยังคงทำใจไม่ได้ เพราะสูญเสียกะทันหัน ที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกับคนก่อเหตุมาก่อน แต่ยืนยันว่า ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงิน ไม่เคยขัดแย้งเรื่องบ่อกุ้ง เนื่องจากคนเสียชีวิตลงทุนทำคนเดียว ไม่มีหุ้นส่วน และเพิ่งลงทุนเลี้ยงกุ้งขายได้ประมาณ 3 เดือนเท่านั้น
ส่วนปมปัญหาขัดแย้งที่บอกว่า เรื่องชู้สาว ที่คนก่อเหตุระแวงว่าแฟนหนุ่มของตนจะไปตีท้ายครัวนั้น ตนไม่เคยรู้ แต่เชื่อมั่นในตัวแฟนหนุ่มว่าไม่มีทางไปตีท้ายครัวแน่นอน ตลอดเกือบ 4 ปีที่คบหาดูใจกัน คนเสียชีวิตเป็นคนดี รักและดูแลตนอย่างดีมาตลอด ไม่เคยปล่อยให้ลำบาก ไม่เคยมีเรื่องนอกใจ หรือชู้สาว
กรณีปมปัญหาเรื่องยาเสพติดนั้น ตนยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด ทำงานหาเงินด้วยการเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงวัว อย่างสุจริต จึงเชื่อว่ามูลเหตุจูงใจไม่ใช่เพราะปมปัญหายาเสพติดแน่นอน ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ตนไม่ทราบเพราะยังไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนที่ไปนั่งดื่มเบียร์กับคนเสียชีวิตเลย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้พูดคุยกับนางสวิง ไทยยิ้ม ป้าคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุ มีนายโบว์ (คนก่อเหตุ) และนายเสก (พี่ชายคนก่อเหตุ) อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน พ่อแม่แยกทางกันและไปรับจ้างทำงาน อาศัยอยู่ที่อื่น
นางสวิง เล่าทั้งน้ำตาและอยู่ในอาการเครียดว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ตนนอนอยู่บนบ้าน ซึ่งบ้านอยู่หลังติดกัน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4-5 นัด กระทั่งสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ ก่อนจะเดินออกมาดู และตลอดทั้งคืนตนก็นอนไม่หลับ ลุกเข้าห้องน้ำทั้งคืน ยอมรับว่าขณะที่ได้ยินเสียงปืนนั้น เข้าใจว่าคนก่อเหตุ ยิงปืนขึ้นฟ้า จึงไม่เอะใจอะไร
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่คาดคิดว่านายโบว์ หลานชายจะยิงคนตาย เพราะเป็นคนนิสัยดี ใจเย็น มีน้ำใจ ไม่อารมณ์หงุดหงิด ไม่โมโหร้าย จึงไม่คิดว่าจะลงมือก่อเหตุ ที่ผ่านมา ตนไม่เคยเห็นคนก่อเหตุมีปัญหากับผู้เสียชีวิตกันมาก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วมีปัญหาเรื่องอะไร ส่วนปมชู้สาวนั้น ตนไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร เนื่องจากไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของหลานชาย
พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ กล้วยไม้ รอง ผกก.สส.ได้นำสำนวนการสอบสวน ยื่นต่อศาล จ.นครปฐม เพื่อขอออกหมายจับตัวนายณัฐวุฒิ หรือโบว์ ไทยยิ้ม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 3 ต.ดอนยายหอม อ.เมืองนครปฐมซึ่งเป็น มือปืนที่ยิงนายณัฐพงษ์ มณีโชติ อายุ 30 ปี ต.ดอนยายหอม อ.เมืองนครปฐม เพื่อนรักเสียชีวิตขณะกำลังนอนที่เปล
กระทั่งเวลา 18.00 น. วันที่ 6 ต.ค.63 นายโบว์ดอดเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม ทางเจ้าหน้าที่ จะได้ทำการสอบสวนสืบสวนเพิ่มเติมหาสาเหตุในครั้งนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นบ่ายวันนี้ มีการออกหมายจับนายณัฐวุฒิ ไทยยิ้ม อายุ 30 ปี หรือนายโบว์ ตามหมายจับเลขที่ 307/63 หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม โดยแจ้งความผิด 2 ข้อหา คือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับใบอนุญาต ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป