"ศรีสุวรรณ" โวยรัฐถมคลองเปรมฯ จาก 50 เหลือ 20 เมตร เพื่อสร้าง "บ้านมั่นคง" ผิด กม.หรือไม่ ทั้งยังบังคับให้ ปชช.ที่ถูกไล่ที่ร่วมโครงการ จ่อร้อง กมธ.สอบนายกฯ สนับสนุนยึดที่สาธารณะ
วันที่ 19 ธ.ค. 63 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปเป็นประธานในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคง "สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด" (บ้านสวย คลองใส วิถีใหม่ ชุมชนริมคลอง) ณ หมู่ 7 ถนนเลียบคลองเปรมประชากร ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พร้อมมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ (เนื้อที่ 22 ไร่ 3 งาน 36 ตรว.) และใบอนุญาตก่อสร้างของสหกรณ์ฯ ให้แก่ประธานและกรรมการสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ที่ผ่านมานั้น
เป็นที่น่าแปลกใจว่าพื้นที่ที่นายกฯ ไปเป็นประธานในพิธีลงเสาเอกดังกล่าว เคยมีสภาพเป็นคลองสาธารณะมาก่อนมีความกว้างของคลองประมาณ 50 เมตร โดยมีชาวชุมชนปลูกบ้านอาศัยอยู่ตามแนวริมคลองมากว่า 77 ปีแล้ว แต่กลับมีการไล่รื้อให้ชาวบ้านดังกล่าวออกไป แล้วนำพื้นที่ดังกล่าวมาถมปรับสภาพพื้นที่ถมดิน โดยกรมธนารักษ์ให้เช่าก่อสร้างบ้านมั่นคง พร้อมกับทำเขื่อนริมคลองให้ระยะ 628 เมตรโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ด้วยงบประมาณ 64.2 ล้านบาท ทำให้คลองเปรมประชากรมีสภาพความกว้างของคลองเหลือไม่ถึง 20 เมตรเท่านั้น
ชาวบ้านที่รื้อถอนบ้านออกไปจะถูกบังคับให้ต้องเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง โดยแต่ละคนต้องไปกู้เงินจากสถาบันการเงินที่หน่วยงานรัฐประสานมาให้คนละ 5 แสนกว่าบาท โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระ 15-20 ปี (ผ่อนชำระเดือนละประมาณ 3,000 บาท ไม่รวมค่าเช่าที่ดินที่ต้องจ่ายให้กรมธนารักษ์ในอัตราขั้นบันไดอีกต่างหาก) หากใครไม่เข้าร่วมจะถูกกรมธนารักษ์ฟ้องขับไล่ข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ กทม.จะถูก กทม.ฟ้องฐานบุกรุกและรุกล้ำกีดขวางทางน้ำ โดยอ้างว่าเป็นเหตุให้น้ำท่วม ฯลฯ โดยไม่คำนึงว่าชาวบ้านยากจนข้นแค้นอยู่แล้ว ข้าวกรอกหม้อยังแทบจะไม่มีจะเอาเงินที่ไหนมาผ่อนชำระ 20 ปี
พื้นที่ดินดังกล่าวมีสภาพเป็นคลองสาธารณะตามธรรมชาติ ดังนั้นการที่หน่วยงานรัฐนำดินมาถมรุกล้ำไม่ผิดกฎหมายหรืออย่างไร และในอนาคตจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมพื้นที่รังสิต เพราะสภาพคลองจะเป็นคอขวดใครจะรับผิดชอบ ซึ่งคลองสาธารณะ ถือว่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม ป.กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1304 (2) และเป็นที่ดินของรัฐ จึงต้องห้ามมิให้ใครเข้าไปยึดถือครอบครอง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ม.9 (1)(2) และ(3) มีความผิดตาม ม.108 ทวิ วรรคสอง และ ม.117 ม.118 แห่ง พรบ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 50 ลงวันที่ 18 มค.2515 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2535 การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายชัดเจน
ดังนั้น การที่นายกฯ ไปเป็นประธานในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคงในพื้นที่ดังกล่าว ย่อมถือว่าเป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้สมาคมฯจะนำความไปร้องเรียนให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องในสภาผู้แทนราษฎร ที่มีพรรคฝ่ายค้านเป็นประธานมาทำการตรวจสอบความถูกต้องและความโปร่งใส เพื่อนำไปอภิปรายในสภาฯต่อไป