กรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยอ้างว่า “จอมขมังเวทย์ ที่บอกว่านิมิตเห็น มีคน ๆ หนึ่งเข้ามาดูที่ บอกตรงนี้เป็นวังพญานาค บ่อน้ำ และบอกว่าเขาเป็นพญานาคกลับชาติมาเกิด อย่าลืมว่าวันทำเสาเอก จอมขมังเวทย์ เหมารถบัสมา 10 คัน เอาหน้าม้ามา แล้วให้เห็นว่ามีคนมาเต็มเลย มาทำพิธี เขาไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่อยู่มุกดาหารเหมือนกัน คนที่ให้เหล็กไหล ลูกแก้ว”
ล่าสุดวันที่ 29 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังอาศรมปู่ฤๅษีคัมภีร์ ในพื้นต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้าง รายล้อมด้วยรูปปั้นพญานาค นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเหลาบรรดาพระฤๅษี อยู่รอบข้างอาศรม
โดยทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับอาจารย์ฤๅษีคัมภีร์ คัมภีรปัญโญ อาจารย์ฤๅษี ชี้แจงว่า กรณีที่มีภาพปรากฏในสื่อสังคมโซเชียลมีเดีย ไปเกี่ยวโยงถึงลุงพล-ป้าแต๋นแห่งบ้านกกกอกนั้น ตนไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่อยู่เบื้องหน้าเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตนตั้งใจจะเดินทางไปทำธุระที่ จ.สกลนคร โดยได้มีการแวะไปเยี่ยมเยียนพระครูวินัยธร อนุชา อธิปัญโญ หรือพระพล ซึ่งตนรู้จักกับพระพลมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว โดยนับถือพระพลว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดี จนเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน และบูรณาการวัดป่าเล็ก ๆ บนเขาให้สวยงามได้
พอไปถึงพระพลก็เอ่ยปากขอให้ตนช่วยทำพิธีบวงสรวงพระญานาคให้ เนื่องจากพระพลเป็นพระภิกษุสงฆ์ถือศีล 227 ข้อ จะกระทำพิธีบวงสรวงที่นอกเหนือไปกว่ากิจของสงฆ์นั้นไม่ได้ แต่ตนเป็นฤๅษี เป็นผู้แสวงหาความดี และตามความเชื่อฤๅษีก็มีมาก่อนพุทธกาล และเป็นนักบวชที่ถือศาสนาพราหมณ์ จะสามารถทำพิธีต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากนั้นได้ ซึ่งก็ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าจะต้องไปทำพิธีบวงสรวงให้ใคร รู้เพียงแค่ว่าพระพลเอ่ยปาก ตนในฐานนะที่เคารพศรัทธาและรู้จักกันมานาน จึงตกลงที่จะช่วยทำพิธี ซึ่งตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับลุงพลหรือป้าแต๋นเป็นการส่วนตัว
ส่วนเรื่องเหล็กไหลนั้น ตนไม่เคยมีวิชาทางด้านนี้เลยด้วยซ้ำ ตนบำเพ็ญสายเมตตาช่วยเหลือคนมากกว่า ใครที่เจ็บทุกข์ได้ยาก ไม่สบายใจ พอเดินทางมาให้ตนทำพิธี ก็สบายใจขึ้น เหมือนเป็นกุศลโลบายให้คนมีกำลังใจที่จะสู้ชีวิต และก้าวข้ามอุปสรรค์ไปได้ ถ้าหากว่าในอนาตคลุงพล-ป้าแต๋นชักชวนตนไปมีส่วนร่วมที่กกกอก ตนก็ขอปฏิเสธ ตนขออยู่ในส่วนของตน กับการช่วยเหลือคนต่อไป ตนไม่อยากดัง
ทีมข่าวได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พระอธิการอนุชา หรือ พระพล จากวัดดานพระอินทร์ กุนซือของลุงพล เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวเพิ่งเสร็จจากงานรับกิจนิมนต์พร้อมกับปู่ฤๅษี จากการสร้างวัดที่จ.สกลนคร โดยระหว่างเดินทางกลับ ต้องผ่านบ้านของลุงพล จึงได้แวะเยี่ยม ซึ่งพบเห็นที่ดินว่างเปล่าหลังจากที่มีการถมดินเสร็จ จึงได้สอบถามลุงพล จนกระทั่งทราบว่า ลุงพลตั้งใจจะสร้างองค์พญานาค
แต่ด้วยตัวของลุงพล มีความตั้งใจและอยากให้ดูพื้นที่เอาไว้ก่อนล่วงหน้า จึงได้เชิญให้อาตมาและปู่ฤๅษี ไปช่วยดูสถานที่ให้ โดยอาตมาก็อยู่ร่วมในพิธีแต่ไม่ได้มีการทำพิธีใด ซึ่งทางด้านของปู่ฤๅษี ได้ขอให้ลุงพลจุดธูป และตั้งจิตอธิฐานบอกดวงธรรม จากนั้นปู่ฤๅษี จึงได้พูดคุยกับดวงธรรมและสื่อสารออกมาว่า ชื่อของพญานาค ปู่ปาริจิตนคราช และทางด้านของปู่ฤๅษี ได้พูดคุยสื่อสารผ่านดวงธรรม “ขอให้ลุงพลเร่งดำเนินการจัดสร้างให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จึงจะสำเร็จ” ดังนั้นดวงธรรมจึงเป็นสิ่งที่เร่งให้ลุงพลต้องมีการก่อสร้าง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาตมาแต่อย่างใด
หากจะมีการเอาผิดกับกลุ่มคนที่ร่วมก่อสร้าง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างนั้น อาตมายืนยันว่าไม่ได้บังคับหรือรีบเร่งให้ดำเนินการทำ เพราะเป็นความสมัครใจและสิ่งที่ตัวของลุงพลปรารถนาที่จะดำเนินการก่อสร้าง ดังนั้นจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างองค์พญานาคครั้งนี้ ส่วนเรื่องของความรู้จักกับทางด้านปู่ฤๅษี อาตมายอมรับว่าเป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกัน เพียงแต่แยกคนละแนวทางการปฏิบัติ เวลามีงานพิธีร่วมกันก็จะมีโอกาสเจอกันบ่อยครั้ง
แม้ว่าระยะหลังลุงพลจะเจอกับคดีความ หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่รู้จัก อาตมายังคงยืนยันว่าจะเป็นกุนซือให้กับลุงพล แต่มีข้อแม้ว่าลุงพลจะต้องกลับไปเป็นคนเดิม นิ่งเฉย สงบปากสงบคำ และพร้อมที่จะปฏิบัติธรรมตามที่อาตมาแนะนำ แต่หากลุงพลไม่พร้อมที่จะเดินตามแนวทางที่สั่งสอน เรียกได้ว่าต้องต่างคนต่างอยู่ เพราะมีคนหลายคนเป็นห่วงกลัวว่าจะเข้าไปยุ่งแล้วทำให้อาตมาเดือดร้อน รวมถึงถ้าวันนี้ลุงพลกลับมาเป็นคนเดิม พร้อมที่จะปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะมีคดีความก็ตาม อาตมาก็ยังพร้อมบวชขาวให้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่มีกลุ่มทูยูเบอร์ก่อกวน ต้องไม่มีการนำเสนอตลอดการปฎิบัติธรรม