ตั้งแต่ขึ้นแท่นเป็นคุณพ่อลูกสอง เราก็มักจะได้เห็นความมุ้งมิ้งของ "โอ๊ต วรวุฒิ" อยู่เสมอๆ ซึ่งเจ้าตัวมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ได้เผยว่าที่ในช่วงนี้เห็นลุคใหม่ของตัวเองเป็นสไตล์เกาหลีก็เพราะถูกภรรยาสุดที่รัก "จีน่า" ปรับเปลี่ยนให้ เพราะกำลังติดซีรีส์เกาหลี พร้อมสารภาพจากคนที่ไม่เคยคิดมีครอบครัว แต่พอได้เจอภรรยาคนนี้ ก็สยบ กลายเป็นคนรักครอบครัว ถอดเขี้ยวเล็บหมดแล้วชีวิตนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ดอกอ้อ ทุ่งทอง & ก้านตอง ทุ่งเงิน" ยอมรับ! เป็นคู่พี่น้องที่ไม่ค่อยถูกกัน
- "เก้า จิรายุ" ลุยเส้นทางสายดนตรี เตรียมทำอัลบั้มแรกในชีวิตกับวง "Bad Baboon"
- "ปีเตอร์ โฟดิฟาย" ฝ่าวิกฤตชีวิตมาหลายครั้ง โดนยึดบ้าน-ล้มละลาย แต่ยังลุกขึ้นสู้จนถึงทุกวันนี้
- "ติ๊ก กลิ่นสี" มูเตลูจัด!! กำหนดเวลาคลอดลูกเอง ต้องเป็นเวลานี้เท่านั้น!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี
ถาม เป็นพระเอกอยู่ในวงการมา 30 ปี
โอ๊ต วรวุฒิ : เข้าวงการมาประมาณ 30 ปีเศษๆ ส่วนอายุก็เข้าเลขห้าแล้วครับ แต่ตอนนี้ต้องบอกก่อนว่าที่เหมือนโอปป้า เพราะแฟนติดซีรีส์เกาหลี ผมก็ต้องทรงเกาหลี เขาตัดให้เราเอง เสื้อผ้าเราเขาก็เปลี่ยนให้ผม เขาพยายามเปลี่ยนตัวเรา อยากให้เราเล่น TikTok กับเขาด้วย ก็เลยอยากให้เราแต่งตัว ไม่เล่นไม่ถ่ายให้เขาไม่ได้ ก็งอน
ถาม ไม่ต้องแปลกใจที่ต้องตามใจภรรยา เพราะภรรยาเด็กกว่า 21 ปี แต่ขอถามหน่อยว่าทำไมถึงยอมสยบกับผู้หญิงคนนี้
โอ๊ต วรวุฒิ : อันนี้ตอบยากมากเลย เพราะว่าสมัยก่อนเรากลัวการมีชีวิตคู่ กลัวการแต่งงาน เราเคยบาดเจ็บมา เราก็ตั้งใจว่าในช่วงที่เราบาดเจ็บ เราจะไม่มีใครอีกแล้ว ตอนนั้นเราคิดเลยว่าจะโสดจนตาย จะใช้ชีวิตที่เหลือเหมือนหนุ่มโสด เราเคยคาดหวังกับชีวิตคู่แล้วไม่แฮปปี้ รู้สึกว่ามันไม่สนุก มันไม่มีความสุข อึดอัด ไม่ได้อยากกลับไปอยู่บรรยากาศแบบเดิมๆ อะไรแบบนั้น เราก็เลยใช้ชีวิตแบบมีความสุขให้เต็มที่ แล้วไม่ใช่ว่าตั้งใจโสดแล้วไม่คบใคร ตั้งใจโสดแต่ก็คบ ก็ศึกษา แต่พอผู้หญิงจะจริงจังด้วย เราหนีเลย ถ้าคบอยู่แล้วไม่จริงจัง คบไปเรื่อยๆ เราก็สบายใจที่จะคบด้วย แต่ถ้าใครจริงจัง เราก็ถอยเลย
ถาม ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนนิดๆ กลัวการผูกมัด
โอ๊ต วรวุฒิ : กลัวการผูกมัด กลัวความรู้สึกเดิมๆ กลับมา จนมาเจอจีน่า จับพลัดจับผลูอะไรก็ไม่รู้ ช่วงแรกมีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้ใสๆง่ายๆ เขามีความเป็นตัวของตัวเอง เราอยู่ด้วยแล้วเราสบายใจ มีความสุข แล้วคือคบกันเร็วมากด้วย ตอนที่เราเจอเขา ปิ๊งกันเลย ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก คบกันตอนแรก เราคุยกัน ตั้งใจว่าจะมีลูกก่อน แล้วพอลูกสักขวบกว่าๆ ค่อยเอาลูกเข้างานแต่งงาน แต่เราก็ได้ในสิ่งที่เราต้องการนะ พอลูกเราประมาณสักขวบกว่าๆ เขาก็มาเดินถือแหวนในงานแต่งงานให้เรา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดหรือว่าอะไร มันเกิดขึ้นจากความตั้งใจ เพราะว่าตั้งแต่ที่เราคบกับจีน่าแรกๆ ผมเดินเข้าไปหาคุณแม่ เดินเข้าไปบอกว่าขอเป็นแฟนกับลูกสาว ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะมีลูก คุณแม่เขาก็บอกว่าเร็วไปหรือเปล่า ตอนที่เข้าไปคุยกับคุณแม่เขา จีน่าอายุ 23 ค่อนข้างอายุยังน้อยพอสมควรครับ
ถาม แต่ก่อนที่จะไปเรื่องครอบครัว ขอย้อนมาที่เรื่องในวงการบันเทิงกันก่อน เป็นพระเอกนะ แต่ก่อนใครที่เป็นพระเอกเขาก็จะคีพลุคพระเอก แต่สำหรับ โอ๊ต เป็นพระเอกที่ชอบเป็นตัวร้ายๆ
โอ๊ต วรวุฒิ : เราอยากลองมากกว่า เราอยากลองอะไรที่หลากหลายแล้วมีความซนเด็กๆ ยิ่งซน เรามีความรู้สึกว่าอะไรที่เขาห้าม เรายิ่งอยากลอง แล้วมันติดใจบทร้าย ไม่อยากกลับไปเล่นบทคนดี อยากเล่นในบทร้ายๆ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราได้ทำในสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะทำในชีวิตประจำวันได้ โดยจินตนาการของเราเองด้วยนะ บางทีเราเก็บกด อยากระบาย บางทีเราก็ไปใส่กับบทเต็มที่เลย (หัวเราะ) มันได้ปลดปล่อย
ถาม แต่ก็ได้บทพระเอกอยู่ดี แต่ทำไมถึงอยากรับบทร้าย
โอ๊ต วรวุฒิ : แต่เอาจริงๆ เราก็สลับกันนะ เราเล่นทั้งร้ายทั้งดีกลับไป กลับมา เราก็ไม่ได้ทิ้งบทตัวดีไปเลย แต่ถ้าถามความชอบของเราเลย ถ้าหากว่าเราเลือกบทที่จะเล่นเราอยากเล่นบทที่มันแรงๆ ร้ายๆ เราไม่ชอบบทนิ่งๆ เพราะเรารู้สึกว่าบทนิ่งๆ มันเล่นแล้วมันอึดอัด มันต้องเป็นคนดีตลอดเวลา ตัวจริงเราก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น
ถาม แต่ยังไงก็แล้วแต่ 30 ปีเศษๆ ที่โลดแล่นอยู่ในวงการมา สารพัดบทบาทที่ทำ มีช่วงหนึ่งที่โอ๊ตเบื่อมาก ไม่รับงานในวงการเลย เกิดอะไรขึ้น
โอ๊ต วรวุฒิ : หายไป 2 ปีครับช่วงนั้น เรารู้สึกว่ามันถึงทางตัน มันไม่มีอะไรท้าทาย มันเริ่มไม่มีอะไรสนุก บทซ้ำซาก บทเดิมๆ ทางเดิมๆ เราเคยเล่นมาหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะฉีกยังไงแล้ว เริ่มไม่มีความสุข เริ่มไม่อยากไปกองถ่าย แต่งหน้า ทำผม เรารู้สึกว่าบทที่เราเล่นมันฉีกไม่ออก แล้วเวลาที่คนส่งบทมาในช่วงเวลาเดียวกันให้เรา ชอบส่งบทมาแบบซ้ำๆ ในคาแรคเตอร์เดิมๆ เจ้าชู้ เป็นนักธุรกิจ เราก็มีความรู้สึกไม่มีไฟในการทำงาน มันไม่ได้มีความคิดอะไรที่มันเป็นครีเอทีฟใหม่ๆ เกิดขึ้น เลยรู้สึกเบื่อเรา ก็เลยปฏิเสธไปหมด เพื่อรอในบทที่เราชอบ ก็ไม่มี เรารอส่งมาเลย 2 ปี ไม่รับเลย ตอนนั้นที่เราปฏิเสธไปเป็นตอน เราอายุยี่สิบกว่าๆ เอง เพราะเราเด็ก มันเลยไม่กลัว เรามีความมุ่งมั่น เราก็รอๆ จนวันหนึ่งมันคิดถึง เราก็คิดว่าบทนี้ก็ได้ เริ่มสนุก ก็เลยกลับมา ตอนที่หยุดไปเหมือนเราไปชาร์จแบตให้ตัวเราเองด้วย
ถาม แต่พอกลับมาเข้าสู่วงการ เล่นหลายเรื่อง หลายบทบาท แต่พอมีลูก อยากกลับไปเล่นกับลูก ไม่อยากรับละครอีกแล้ว
โอ๊ต วรวุฒิ : (หัวเราะ) ที่ผ่านมาเรามีความรู้สึกว่าทำงานไปถึงช่วงหนึ่ง ก็ไปทำงานเบื้องหลังละครกับเพื่อนๆ พอทำได้สักพักก็รู้สึกว่าสนุกดี เบื้องหน้าเราก็เลือกบทที่เราอยากรับจริงๆ แล้วพอเราแต่งงานมีลูก ก็มีความคิดที่ว่าเราจะทำอะไรเพื่อลูก เพราะงานในวงการไม่ได้เป็นสมบัติที่สามารถส่งต่อให้ลูกเราได้ เราก็อยากไปทำอะไรข้างนอกคือตั้งโครงการทำโรงแรมที่บุรีรัมย์ แต่พอไปทำ แล้วเริ่มเหนื่อย ซึ่งตอนนั้นเราก็กำลังถ่ายละครอยู่ด้วย เราก็ตั้งใจว่าพอจบเรื่องนี้ เราจะหายไปสัก 2 ปี ไปทำโรงแรมก่อน พอทำโรงแรมเสร็จแล้วเราจะกลับมา สานต่อในสิ่งที่เราคิดเอาไว้ แต่พอเราไปทำคือมันไม่ใช่ 2 ปี ทุกอย่างมันไม่จบ มันไปเรื่อยๆ มีปัญหาเรื่องจุกจิก โน้นนี่ ที่สำคัญคือเรื่องของเวลาของครอบครัว เราทรมานมาก เพราะมันบั่นทอนจิตใจ เราอยากอยู่กับครอบครัว แต่เราไม่มีเวลาให้เขาเลย พอเราเริ่มทำโรงแรมสัก 2 เดือน ลูกคนที่สองก็มาแล้ว คนแรกขวบกว่าๆ เกือบสองขวบ เลยมีความสับสนว่ายังไงดี ภรรยาจะเลี้ยงไหวไหม เพราะเราก็ต้องดูงานอยู่ทางนี้ ใจเราเป็นห่วงเขาตลอด เราก็เลยรู้สึกว่าไม่เอาแล้ว จะไม่ทำโรงแรมแล้วขายดีกว่า แล้วกลับมาอยู่กรุงเทพฯ กับลูก แล้วหาอะไรทำ ไปเช้าเย็นกลับดีกว่า ตอนนั้นจิตใจเราอ่อนแอมาก แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ขาย เพราะพอทำไปทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย มีพี่สาวมาช่วย ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวมาก เราไม่ต้องลงไปบุรีรัมย์เลย อยู่กับลูกเต็มที่เลย
ถาม พูดถึงลูก คนแรกคือผู้ชาย
โอ๊ต วรวุฒิ : ตอนนี้ 4 ขวบครึ่งแล้วครับ ชื่อโอลาฟ แล้วคนที่สองเราอยากได้ผู้หญิง เลยตั้งชื่อไว้ว่า โอลีฟ พอภรรยาท้องได้ 4 เดือน เราก็ไปอัลตร้าซาวด์ หมอบอกว่าชัดเจนเลยครับ ผู้ชาย ที่อยากได้ลูกสาวเพราะว่าชอบเด็กผู้หญิง แต่ในอนาคตคิดว่าจะไปขอเลี้ยง แต่รอให้สองคนพี่เขาโตก่อน เพราะภรรยาเราก็อยากได้ผู้หญิง
ถาม เพราะเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เลยมีช่องยูทูบที่เป็นของครอบครัวขึ้นมา
โอ๊ต วรวุฒิ : เป็นช่องของภรรยาครับ ชื่อว่า JenaOat Family อยากช่วยผู้ประกอบการทุกคนเลย สภาวะมันซ้ำเติม บั่นทอนกำลังใจ ยังไงก็ไปเที่ยวกัน ถ้าหากไปบุรีรัมย์ เรามีโรงแรม t-rex buriram boutique อยู่นะครับ
Advertisement