พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดประชุมด่วน ศบค. ชุดใหญ่พรุ่งนี้ (16 เม.ย.) หารือมาตรการล็อกดาวน์ ในบางพื้นที่ เช่น กทม.และ ปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี หลังสถานการณ์การแพร่เชื้อระบาดโควิด ที่เพิ่มจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น
เพจสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดวาระงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่มเติมประจำวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ว่าจะมีการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
หลังจากที่ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการอื่นๆ โดยเฉพาะ การควบคุมสถานการณ์ที่อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เช่น กทม.และปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี
ทั้งนี้ การประกาศมาตรการใดๆ เพิ่มเติม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะพิจารณาข้อมูลจากทีมงานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน และกำหนดมาตรการเพิ่มเติม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นายกฯ เตรียมยกระดับคุมสถานการณ์โควิด-19 จ่อล็อกดาวน์ กทม. ปริมณฑล เชียงใหม่
- พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์! โควิดวันนี้ (15 เม.ย.) ป่วยใหม่ทะลุ 1,543 ราย
- พิษโควิดทำคนไทย ตกงาน 6 ล้านคน จบใหม่เตะฝุ่น 1.3 ล้านคน แรงงานไร้แผนออม
ขณะที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการฉีดพ่น ฉีดฆ่าเชื้อที่ทำงานของสื่อมวลชน ประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้ง 3 จุดอย่างละเอียด เพื่อเตรียมเปิดการทำงานในวันพรุ่งนี้ (16 เม.ย.) ซึ่งทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้สื่อมวลชนปฏิบัติตามมาตรการที่ได้แจ้งไว้แล้วก่อนหน้านี้อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังลดจำนวนผู้สื่อข่าวที่ปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเว้นระยะห่างไม่แออัด รวมถึงห้ามรุมสัมภาษณ์ด้วย
ขณะที่วันนี้จะเป็นวันแรก ที่ห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ จะปิดเวลา 21.00 น. หรือ 3 ทุ่ม จนกว่าโควิด-19 จะคลี่คลาย หลังจาก สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ได้ออกประกาศเลื่อนเวลาปิดเมื่อวานนี้ เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าพันราย นับเป็นการแพร่ระบาดโควิดระลอกที่ 3 รอบใหม่ ที่จะเป็นความเสี่ยงและผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย จึงประกาศยกระดับมาตรการการเฝ้าระวังการระบาดของโควิดครั้งนี้ โดยสมาชิกสมาคมทั้ง 2 แห่ง และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการคัดกรองผู้บริโภคเข้าศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ในระดับสูงสุด