กรณีโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการใหม่ล่าสุด ที่จะกระตุ้นการบริโภคในประเทศของประชาชนในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง รายละเอียดคือ รัฐบาลจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Voucher) ให้กับประชาชนเมื่อใช้จ่ายซื้อสินค้า อาหาร และเครื่องดื่ม ค่าบริการ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง กับผู้ประกอบการร้านค้าหรือบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งติดตั้งแอปพิเคชันถุงเงิน ที่เข้าร่วมโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งดี
สุพัฒนพงษ์ ชวนคนรวยรักชาติเอาเงินเก็บมาใช้ ชี้ยอดฝากสูง 5-6 แสนล้าน
ทั้งนี้ กำหนดวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน เมื่อประชาชนใช้จ่ายดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากภาครัฐในช่วงเดือนก.ค. – ส.ค. 64 และสามารถนำ E-Voucher ไปใช้จ่ายได้ในเดือนส.ค. – ธ.ค. 64
สืบเนื่องจากการให้สัมภาษณ์ของ นาย สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ตัวเลขเงินฝากในบัญชีของคนไทยสูงขึ้นหลายแสนล้านบาท หากอยากให้จีดีพีขยายตัว 4 % ก็ขอให้ช่วยนำเงินฝากออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งถ้านำจำนวนเงินฝาก 5-6 แสนล้านบาท ออกมาใช้ เท่ากับจีดีพี 3 % ครึ่งหนึ่ง หรือถ้านำเงินฝากมาใช้เพียงครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยให้ GDP ขยับ
ดังนั้น ยิ่งใช้ยิ่งได้ คือมาตรการที่ออกมาเพื่อรองรับแนวคิดดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่การให้เงินเปล่าแน่นอน แต่คาดว่าแนวทางจะเป็นการกระตุ้นให้ใช้เงินให้ถึงยอดแบบกิ๊ฟวอยเชอร์ของห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรม โดยมีรัฐบาลช่วยชำระค่าใช้จ่ายบางส่วน คล้ายๆกับโครงการ คนละครึ่ง หรือ เราเที่ยวด้วยกัน แต่มุ่งเน้นไปที่สินค้าและบริการที่ราคาสูง เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ยิ่งใช้ยิ่งได้ ต้องการจูงใจให้ประชาชนที่จับจ่ายซื้อสินค้า บริการ และค่าอาหารเครื่องดื่ม ที่มีวงเงินสูงกว่าหลายๆโครงการที่ผ่านมา โดยรัฐบาลคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 4 ล้านคน
ภาพจาก AFP
เคาะแล้ว! ครม.ไฟเขียว เราชนะ - ม33เรารักกัน รับเพิ่ม 2,000 บาท
โครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ รัฐบาลแจกอี-วอยเชอร์ วันละ 5,000-7,000 บาท