เสี่ยสุรัตน์แอบย่องกลับบ้านไร้ตำรวจรวบ ญาติโต้ไม่จริง เมียโกศลจี้กู้ซิมหาคนโทรลวงไปฆ่า (คลิป)

จากกรณีภรรยาของนายโกศล ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วยนั้น

วันที่ 29 พ.ค. 64  นางจินดาหรา วสินทรัพย์ ภรรยาของเสี่ยโกศล ได้รับแชตข้อความจากผู้หวังดีทางเฟซบุ๊ก ส่งข้อความมาว่า "พี่บอกตำรวจเลย พี่รัดแอบมาบ้านบ่อยมาก หนูหวังดีนะพี่ จริงๆ" โดยการสนทนาของคนดังกล่าว ไม่ได้เป็นการขู่ คาดว่าต้องมีความรู้จักหรือใกล้ชิดกับนายสุรัตน์ ผู้ต้องหา

ทีมข่าวยังได้ติดต่อกลับไปหาผู้ที่มีการส่งข้อความเพื่อแจ้งให้นางจินดาหรารับทราบเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่าพบเห็นนายสุรัตน์ พร้อมพวกบางคนแวะเวียนกลับไปที่บ้าน แต่จะไม่ใช่เวลาเดิม ทุกครั้งที่ย้อนกลับมาที่บ้านนายสุรัตน์จะนั่งอยู่ในรถฟอร์จูนเนอร์สีดำ นั่งอยู่ข้างคนขับ และจะมีรถกระบะนำหน้า มาพร้อมกัน 2 คันตลอด จำนวน 5-6 คน โดยการมาแต่ละครั้งก็จะอยู่ที่บ้านไม่นาน แล้วก็จะรีบออกไปโดยทันที แต่ชาวบ้านในละแวกนี้ก็สังเกตว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาคอยตรวจสอบหรือเฝ้าสังเกตการณ์

นางผกา (นามสมมติ) แม่ของนายสุรชัย เครือญาติของนายสุรัตน์ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีชาวบ้านอ้างว่าเห็นนายสุรัตน์ย้อนกลับมาที่บ้าน ตนเองก็ไม่เห็นความผิดปกติ และไม่เห็นนายสุรัตน์ย้อนกลับมาตามที่มีคนพูดถึง เพราะตั้งแต่ที่ทุกคนถูกออกหมายจับก็ไม่มีใครย้อนกลับมาและไม่เจอเบาะแสของใคร ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่านายสุรัตน์จะย้อนกลับมาที่บ้าน

ส่วนกรณีนายสุรชัย ลูกชายของตนเองที่ถูกออกหมายจับ คาดว่าอยู่ระหว่างการหลบหนีไปพร้อมกับนายสุรัตน์ ตนเองก็ยังติดต่อลูกชายไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ถ้าหากจะให้มอบตัวก็คงจะไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่รู้ว่าลูกชายไปทำผิดอะไรไว้ อีกทั้งก็ไม่ได้มีความกังวลว่าตำรวจจะจับตาย เพราะเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านครอบครัวเสี่ยโกศลงดปฏิบัติการค้นหาอีก 1 วัน เพราะทางทะเลยังมีคลื่นลมแรง ส่วนทางบกก็ไร้เบาะแส นางจินดาหรา วสินทรัพย์ ภรรยาของเสี่ยโกศล เปิดเผยว่า แม้คดีจะมีความคืบหน้าซึ่งเป็นไปตามที่ผู้กำกับ สภ.ไชยา ลงพื้นที่มาแจ้งกับตนเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้การทำงานไปถึงขั้นไหนแล้ว สังเกตได้ว่าหลักฐานสำคัญในคดีหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องก็มีการตรวจยึดมาได้บางส่วน แต่ครอบครัวก็ไม่ทราบ โดยเฉพาะที่เจอโทรศัพท์มือถือของเสี่ยโกศล ถูกโยนทิ้งในคลอง ตำรวจยังพบว่าโทรศัพท์มีซิมการ์ด อ้างว่าอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ไม่รู้ว่ากู้ข้อมูลมาได้ทั้งหมดหรือไม่ โดยเฉพาะรายละเอียดการโทรเข้า-ออก

หากมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับบุคคลปริศนาที่โทรเข้ามาหาเสี่ยโกศล เชื่อว่าบุคคลดังกล่าวต้องเป็นบุคคลที่เสี่ยโกศลมีความเกรงใจ หรือนับถือ โดยปกตินิสัยส่วนตัวจะไม่ออกบ้านกลางดึก แต่ด้วยปลายสายดังกล่าวโทรมาจึงทำให้ออกจากบ้านไป ถ้าหากมีการวิเคราะห์ว่าปลายสายคือนายสุรัตน์ หรือในกลุ่มที่ถูกออกหมายจับมีความเป็นไปได้น้อย เพราะเสี่ยโกศลไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว

ส่วนกรณีที่พระยักษ์ (นามสมมติ) ลูกน้องของนายบำรุง เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้างคราบเลือดหลังเกิดเหตุ และไม่ได้อยู่ร่วมในช่วงเวลาเกิดเหตุ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงมีการสอบปากคำไปแล้วว่าเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ตนเองขอไม่พาดพิง กลัวว่าจะเป็นการใส่ความ ถ้าหากจะมองว่าเป็นลูกน้องของนายบำรุง แล้วไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการล้างคราบเลือด ตนเองจึงมองว่ามีความเป็นไปได้น้อย ในคืนวันดังกล่าว ก่อนที่พระยักษ์และกลุ่มของเสี่ยโกศลจะแยกย้ายวงเหล้าบริเวณหน้าห้องแถว และย้ายไปนั่งดื่มกันต่อที่บ้านของนายบำรุง ในคืนนั้นตนเองสังเกตว่าพระยักษ์ก็ได้เข้ามานั่งดื่มสังสรรค์กับกลุ่มสามีของตนเอง ตนเองสังเกตว่าตอนที่นั่งดื่มกันอยู่บริเวณหน้าห้องแถว คนที่ขี่รถออกไปซื้อเหล้าคือนายนัท ซึ่งมากับบ่าวตั้ม ไม่ได้เห็นพระยักษ์เป็นคนออกไปซื้อตามที่ให้สัมภาษณ์จริง

โดยทุกวันนี้ตนเองยังอยู่ในความหวาดผวา และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีคนไม่หวังดีเข้ามาข้องเกี่ยวและคอยสะกดรอยตามความเคลื่อนไหวตลอด เช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา มีรถมอเตอร์ไซค์ปริศนาเป็นผู้ชายสวมใส่หมวกไอ้โม่งมาถึงหน้าบ้านก็จะวกรถกลับ สังเกตว่าเมื่อวานรถคันดังกล่าวมาวนเวียนดูถึง 2 ครั้ง และในความผิดแปลกคือชาวบ้านในละแวกนี้ กลางคืนจะไม่มีใครใส่หมวกไอ้โม่ง