กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Bonus Kwanruedee Phatichareonchai โพสต์ข้อความว่า
“ขอความกรุณาช่วยแชร์โพสต์นี้ทีนะคะ เนื่องจากเราเดือดร้อนมาก ๆ ผู้ชายคนไหนที่โดนหลอกจากการที่ผู้หญิงนำรูปของโบนัสไปใช้หลอกเงินคุณ ซึ่งผู้ก่อเหตุเคยโดนจับข้อหาหลอกลวงฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น เป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2018 คุณนัทโอนไว ที่ออกข่าวตามสื่อต่าง ๆ"
กระทั่งวันที่ 17 ก.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ สน.คันนายาว ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบที่ น.ส.โบนัส หญิงสาวที่ถูกนำรูปไปแอบอ้าง ได้เข้าแจ้งความเอาไว้ โดยตำรวจให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้ออกหมายเรียก น.ส.นันท์นลิล ภควัตสุวรรณ หรือ ผึ้ง มาสอบปากคำ ซึ่งยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าน.ส.นันท์นลิล เป็นผู้กระทำความผิด จึงไม่สามารถออกหมายจับได้
ล่าสุดวันที่ 18 ก.ย.64 ทีมข่าววิดีโอคอลไปพูดคุยกับ นายแมน (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่ถูกหลอกเงิน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงวันที่ 18 ส.ค. 64 ตนได้เล่นแอปพลิเคชันหาคู่ และได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อ พิมพ์ ใช้รูปโพรไฟล์เป็นสาวสวย (ที่จริงเป็นรูปของน.ส.โบนัส) อ้างตัวว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีธุรกิจขายขนม และรับออร์เดอร์อาหารตามสั่ง อาศัยอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 107 กรุงเทพฯ ซึ่งน.ส.พิมพ์ ออกตัวทันทีว่าไม่ได้อยากมีแฟนใหม่ อยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และหาเพื่อนคุยเท่านั้น ซึ่งตนเห็นว่าน.ส.พิมพ์ เป็นคนคุยง่าย และขายของเหมือนกัน จึงพูดคุยด้วยเพราะคิดว่าน่าจะคุยกันเข้าใจ
โดยคุยกันในแอปหาคู่แค่ 1 วัน หลังจากนั้นก็ติดต่อกันทางไลน์ ซึ่งไลน์ของ น.ส.พิมพ์ จะเป็นรูปเด็กผู้หญิง ใช้ชื่อไลน์ว่า "น้องจ๊ะจ๋า" เมื่อพูดคุยกับน.ส.พิมพ์ไปประมาณ 1 สัปดาห์ เริ่มบ่นว่าธุรกิจติดขัดและมีปัญหา และคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะลูกค้าที่สั่งสินค้าไม่ยอมโอนเงิน ทำให้เจ้าตัวไม่มีเงินไปจ่ายค่าวัสดุ จำนวน 1,500 บาท ซึ่งถ้าจ่ายไม่ทันก็จะถูกร้านวัสดุโพสต์ประจาน และได้ขอยืมเงินจากตน 1,500 บาท ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกเห็นใจและหลงเชื่อ จึงโอนเงินให้ 1,500 บาท ในวันที่ 24 ส.ค. 64
ต่อมาในวันที่ 28 ส.ค. 64 น.ส.พิมพ์ ได้ทักมายืมเงินอีกครั้ง โดยอ้างว่าแม่ของเจ้าตัวจำเป็นต้องใช้เงิน 2,000 บาท และจะขอยืมเงินอีก ซึ่งตอนนั้นตนไม่มีเงิน จึงโอนเงินให้ยืมไปแค่ 500 บาท ซึ่งหลังจากโอนให้ น.ส.พิมพ์ ก็ไม่ยอมพูดว่าจะคืนเงินให้วันไหน ตนจึงทำทีบอกว่าต้องใช้เงินในวันที่ 8 ก.ย. 64
กระทั่งวันที่ 8 ก.ย. 64 น.ส.พิมพ์ ก็ไม่โอนเงินคืน และเมื่อตนทักข้อความไปถาม เขาก็ไม่อ่านไม่ตอบ สุดท้ายตนจึงนำรูปและแชตที่พูดคุยกับ น.ส.พิมพ์ ไปโพสต์ลงในกลุ่ม "ห้องแจ้งข่าวคนโกง และพวกโจร" ซึ่งตนหวังว่าจะเป็นการเตือนภัยสังคม แต่สุดท้ายน.ส.โบนัส ที่เป็นตัวจริง ก็แสดงตัวออกมา และได้ไปตามสืบ จนรู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร และไปแจ้งความ
อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ เพราะมิจฉาชีพมาในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบางคนโอนเงินไปแล้ว ก็อาจจะไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะอับอายหรือกลัวครอบครัวรู้ ทำให้ผู้ก่อเหตุลงมือก่อเหตุซ้ำ ๆ ซึ่งตนไม่ได้ให้เงินเขาในเชิงชู้สาว แต่ให้ในฐานะเพื่อนที่อยากช่วยเหลือกัน จึงกล้าออกมาพูดความจริงทั้งหมด
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ น.ส.โบนัส ผู้เสียหายที่ถูกนำรูปไปแอบอ้าง เปิดเผยว่า ตนทราบเรื่องว่ามีคนนำรูปไปแอบอ้างตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ขณะนั้นผู้เสียหายรายที่ 1 ได้ทักข้อความมาช่วงเดือนพ.ย.63 ว่าถูกหลอกให้โอนเงินไป 2,000 บาท จึงตัดสินใจไปแจ้งความ ซึ่งในตอนนั้นตนก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.นันท์นลิล แต่ผ่านมาเกือบ 1 ปี คดีก็ไม่มีความคืบหน้า ตำรวจบอกแค่ว่าออกหมายเรียกแล้ว แต่ตนก็ไม่เคยเห็นว่าจะจับคนร้ายได้
โดยตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา รูปภาพของตนได้ถูกนำไปใช้หลอกคนอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นล่าสุด นายแมน เหยื่ออีกคนที่ถูกหลอกเอาเงินไป 2,000 บาท หลังจากเหตุการณ์ของนายแมนถูกนำเสนอข่าว น.ส.นันท์นลิล ก็พยายามติดต่อมาหาตน ทั้งทางแชตและเฟซบุ๊กเพื่อที่จะขอโทษ แต่ตนก็ไม่รับสาย เพราะครั้งนี้ตนตั้งใจจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะที่ผ่านมาตนพยายามให้เขามาไกล่เกลี่ยที่โรงพัก แต่เขาก็ไม่มา ครั้งนี้ตนจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด
นายสรฉัตร ผลวัฒนา อายุ 34 ปี หรือ นัทโอนไว กล่าวว่า เรื่องของตนจบลงด้วยการไกล่เกลี่ย ตอนนั้นจริง ๆ โกรธ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เมื่อเขายกมือไหว้ต่อหน้าตำรวจและนักข่าว ตนก็ให้อภัย พร้อมกับเชื่อว่าเขาจะปรับปรุงตัว และหลังจากนั้นก็มีไลน์กันมาโดยตลอด เวลาตนมีข้อความดี ๆ ตนก็จะส่งไปให้อ่าน เช่น "ดีชั่วตัวก็รู้ แต่ยังทำอยู่เพื่ออะไร เล่นกับกรรมก็เหมือนเล่นกับไฟ วันนี้สะใจวันต่อไปชดใช้กรรม" พร้อมกับมีการส่งข้อความไปตักเตือนว่า "คนเราทำผิดสามารถแก้ไขได้" ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็มีการรับฟังและเชื่อฟัง พร้อมบอกว่าจะไม่ทำซ้ำอีก
ที่ผ่านมาหญิงคนดังกล่าวหลอกตนไปยอดประมาณ 89,000 บาท ตอนนี้เท่าที่จำได้โอนคืนตนมาประมาณ 39,000 บาท แล้ว เวลาว่างหญิงคนดังกล่าวมักจะส่งรูปลูกสาวมาให้ดู ตนก็เอ็นดูแล้วก็สงสาร กระทั่งข่าวล่าสุดเขาถูกจับตนตกใจมาก ๆ คนแบบนี้เหมือนพวกขายยาบ้า ทำผิดแล้วตำรวจปล่อยตัวออกมาก็ทำผิดซ้ำอีก ซึ่งเป็นที่สันดานคน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควรจัดการอะไรบางอย่าง ทำให้ผู้ก่อเหตุจดจำ ซึ่งคนเราทำผิดแต่ไม่ได้รับโทษ ก็เหมือนได้ใจทำไปเรื่อย ๆ
จากนั้นตนจึงทักไลน์ไปตักเตือนหญิงคนกล่าวว่า "เลิกทำได้แล้ว" แต่หญิงดังกล่าวก็ตอบแค่ว่า "ค่ะ" เมื่อถามว่าเอาเงินไปทำอะไร ก็มีการอ้างว่า ลงทุนเอาซื้ออุปกรณ์ส่งอาหารให้สามี ซึ่งตนก็ไม่ได้ถามว่าหลอกคนอื่น ๆ อีกกี่คน แต่ตนก็ขอให้เลิกทำ ตนพยายามจะขอให้ออกสื่อชี้แจง แต่หญิงดังกล่าวปฏิเสธบอกว่าไม่อยากออกสื่อเพราะเคยดังมาแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจะขอนัดเจอกับน.ส.โบนัส ผู้เสียหายและคุยแบบเปิดใจ พร้อมกับขอโทษเป็นการส่วนตัว
แต่อย่างไรก็ตาม ตนมอง 2 ทาง ผู้เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงิน ตนขอเตือนว่าเชื่อคนง่าย ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักกันก็อย่าให้ยืมร่วมถึงการพนันออนไลน์ต่าง ๆ ก็อย่าเชื่อ ส่วนผู้เสียหายที่ถูกนำรูปไปใช้แอบอ้าง แม้ตนจะสงสารทั้งคู่ แต่ตนก็มองว่าถ้าผู้เสียหายไม่เอาเรื่องถึงที่สุด หญิงคนนี้ก็ได้ใจและและอาจจะเปลี่ยนไปใช้รูปคนอื่นแทน แต่ใจก็อยากให้อภัยกัน เพราะมีลูกเล็ก “ถ้าผึ้งไม่เข็ด ต่อไปก็ลำบาก ลูกก็คงต้องไปอยู่กับคนอื่น”
ทีมข่าวลงพื้นที่ย่านลาดกระบังกทม. ไปพูดคุยกับ น.ส.อริยพัช มีแก้ว หรือ จี อายุ 40 ปี ผู้เสียหายที่เคยถูกนำรูปไปแอบอ้างหลอกเงินจาก "นัท โอนไว" โดยทีมข่าวได้นำรูปถ่ายคนที่นำรูปของ น.ส.โบนัส ไปใช้หลอกเหยื่อรายใหม่ว่าเป็นคนเดียวกันกับ น.ส.นันท์นลิล หรือ ผึ้ง ที่เคยนำรูปของ น.ส.อริยพัช ไปแอบอ้างหรือไม่
น.ส.อริยพัช กล่าวยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคน ๆ เดียวกันกับ น.ส.นันท์นลิล หรือ ผึ้ง ที่เป็นผู้ก่อเหตุหลอก "นัท โอนไว" เมื่อครั้งที่แล้วในช่วงที่เขาถูกจับ ตนได้เจอกับ น.ส.นันท์นลิล ที่โรงพัก เขาเข้ามาร้องห่มร้องไห้ขอโทษตน อ้างว่ามีลูกน้อย และขอความเห็นใจ ซึ่งในตอนนั้นตนก็ให้อภัยและไม่ได้เอาเรื่อง เพราะคิดว่าเขาตกเป็นข่าวดัง ก็คงจะไม่กลับไปก่อเหตุซ้ำอีก แต่ครั้งนี้กลับพบว่า น.ส.นันท์นลิล ไปก่อเหตุนำรูปผู้หญิงอีกคนมาแอบอ้างหลอกให้ผู้ชายโอนเงินให้อีก ตนก็รู้สึกว่าเขาคงไม่สำนึกผิด และคิดว่าคงจะหลอกให้คนโอนเงินเป็นอาชีพ ตลอด 2-3 ปี ที่ผ่านมา คงจะหลอกมาหลายราย แต่ไม่ได้เป็นข่าวแบบนี้หรือไม่
ทั้งนี้ น.ส.โบนัส ซึ่งเป็นคนที่ถูกแอบอ้างรูปรายใหม่ ได้ทักข้อความมาสอบถามตนว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกันกับ น.ส.นันท์นลิล หรือไม่ ซึ่งตนก็ยืนยันว่าคนเดียวกัน จึงได้แนะนำให้ น.ส.โบนัส ประกาศออกสื่อ เพื่อที่จะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่ตนเชื่อว่าเมื่อ น.ส.นันท์นลิล ถูกจับ ก็คงจะร้องไห้ขอความเห็นใจเหมือนเดิม ตนเชื่อว่าครั้งนี้ผู้เสียหายคงไม่ให้อภัยอีกแล้ว ตนมองว่า น.ส.นันท์นลิล เป็นคนที่อันตราย และยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เพราะ น.ส.นันท์นลิล ก็ไม่ได้ติดคุกจากคดีความครั้งก่อน เพราะนัท โอนไว ยอมถอนแจ้งความ เนื่องจากเห็นใจ และแค่ให้ชดใช้เงินเท่านั้น
"ในฐานะที่เคยเป็นคนถูกนำรูปไปแอบอ้างนั้น ก็เข้าใจความรู้สึกของ น.ส.โบนัส เพราะการที่ถูกนำรูปไปแอบอ้าง และกระทำความผิด ก็ทำให้เสียชื่อเสียง และอาจถูกบางคนมองว่ามีส่วนร่วมกับการทำผิด ทั้งนี้แม้เราจะให้อภัยกี่ครั้งเขาก็คงไม่สำนึกแล้ว เขาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จึงอยากให้ผู้เสียหายดำเนินคดีให้ถึงที่สุด" น.ส.อริยพัช กล่าวแนะนำ