กานต์ ทศน ควง แพมมี่ ไทบ้าน นางเอกสัปเหร่อ เผยสถานะเป็นแค่ผู้จัดการหรือแฟน? พร้อมเล่าปาฏิหาริย์ หลวงพ่อกวย จนทำให้มีวันนี้
นางเอกหนังสัปเหร่อ แพมมี่ ไทบ้าน ควงคู่นักร้องลูกทุ่ง กานต์ ทศน มาสรุปสถานะว่าเป็นแค่ผู้จัดการดาราหรือเป็นแฟนกัน พร้อมเคลียร์ดราม่าหากินกับเกจิอาจารย์ดัง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
ตอนนี้สัปเหร่อ ทำเงินเลย 700 ล้าน พุ่งสู่ 800 ล้าน ดีใจไหม?
แพมมี่ : ดีใจค่ะ ดีใจกับเด็กๆ อีสานด้วย เราเริ่มจากศูนย์ พอมันมาไกลขนาดนี้ มันก็ไกลเกินฝัน
หนังสัปเหร่อ พลิกชีวิตแพมมี่เลยไหม?
แพมมี่ : พลิกชีวิตค่ะ ที่จริงหนูพลิกมาตั้งแต่ไทบ้านรอบแรกแล้ว แต่ว่าคนอาจจะไม่ได้รู้จักหนู แต่พอมาพาคนี้เหมือนเปิดตาให้คนเห็นเรามากขึ้น
น้องกานต์อยู่ด้วยตลอด มาเห็นความสำเร็จของแพมมี่รู้สึกยังไงบ้าง?
กานต์ : ดีใจครับ เราสองคนต่างเป็นคนที่สู้ฝันเหมือนกัน แล้ววันนึงเราได้มาเจอกัน ถึงแม้ผมจะพิชิตฝันได้เร็วกว่า เขาอาจจะมาในปีนี้ แต่มันเป็นปีที่โชคดีมากเลย เพราะถ้าสมมติมันมาพร้อมกันในปีที่แล้วเราไม่รู้จะทำงานกันยังไง เพราะเรามีอยู่สองคน แล้วทีมงานอีกสองคน มันโชคดีมากที่ต่างคนต่างประสบความสำเร็จในแต่ละปี
หลายคนอยากรู้ว่าตกลงเป็นแฟนกันใช่ไหม?
กานต์ : สถานะแฟนหลายๆ คู่เขาบอก ผมมีสถานะที่มากกว่านั้น ซึ่งสถานะนี้คือ สถานะเฟื่อน เปรียบเหมือนการดูแลซึ่งกันและกัน ลึกซึ้งนะครับ ถ้าคำว่าแฟนสำหรับผมใครๆ ก็เรียกได้ ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา มันดูแลกันมากกว่าแฟนครับ
ครั้วแรกที่เจอกัน?
กานต์ : นี่หยิ่งมากครับ ผมหัวเกรียนๆ ตอนนั้นเรียน รด.อยู่ อายุเราห่างกันประมาณ 5-6 ปี เขาแก่กว่าผม ตอนแรกผมคิดว่าเขาอายุไล่ๆ กับผม
แสดงว่าเราไหว้เขา แต่เขาไม่รับไหว้เรา?
กานต์ : ใช่ คือเราไหว้ทุกคน แต่คนนี้หน้าตาดีนะ เราก็เป็นคนชอบคนสวยอยู่แล้วไง ก็ไปสวัสดีครับ เอ้า...เมิน
เขาสายตาสั้นหรือเปล่า?
กานต์ : ไม่ใช่หรอก จริงๆ
วันนั้นจริงๆ คือ?
แพมมี่ : หิวข้าวค่ะ เครื่องดีเลย์ หนูหิวเลยเดินไปกินข้าวโดยที่ไม่ได้มองใคร แต่ก็ยิ้มใส่ทุกคนนะคะ หนูก็สวัสดีทุกคนที่หนูรู้จัก
ประมาณกี่ปีที่แล้ว?
แพมมี่ : ประมาณ 6-7 ปี
กานต์ : นานแล้วครับ ตั้งแต่ไทบ้าน 2.2
ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เริ่มคุยกันได้ยังไง?
กานต์ : ผ่านเฟสครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาคนอุดร ผมแอบเข้าไปส่อง ทีนี้ผมจะไปถ่ายหนังที่อุดร เลยทักไปหาเขาถามว่ามีร้านชิลๆ ไหมที่อุดร ซึ่งความหมายผมก็ร้านนม ร้านขนมปัง แต่เขาส่งร้านเหล้ามาเพียบเลย แต่เราไม่ได้บอกว่าจะไปร้านไหน แค่อยากหาเรื่องคุยกับเขาเฉยๆ พอไปถ่ายหนังก็มีโอกาสเจอกันบ้าง เริ่มคุยกัน แต่ส่วนใหญ่คุยกันทางโทรศัพท์มากกว่า เพราะผมอยู่กาฬสินธุ์
ตอนที่น้องกานต์ทักไป เรารู้สึกยังไง?
แพมมี่ : ช่วงนั้นหนูเป็นเสือเลย คือเราไม่มีแฟน เราก็คุยทุกคน
ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาจีบเราไหม?
แพมมี่ : ไม่ได้รู้มึกจีบเลย เพราะปกติเราคุยกันเล่นๆ กับทุกคน
มาเริ่มพิเศษตอนไหน?
แพมมี่ : ชอบมากวน ไล่ก็ไม่ไป
กานต์ : ผมไปได้ไง ผมไม่มีเงิน คือเขาไม่อยากคบเด็ก เขากลัวเรื่องวุฒิภาวะ ความคิดไม่ตรงกัน แต่เราก็อยากพิสูจน์ว่าเราก็มีความเป็นผู้ใหญ่ในวัยบองเรา เพราะว่าเราทำงานตั้งแต่เด็ก เราเลยได้พิสูจน์กันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้
ตอนนั้นยังไม่ได้ออกคาถาขุนแผนใช่ไหม แล้วคบกันกี่ปีเราถึงประสบความสำเร็จ?
กานต์ : 4-5 ปีประมาณนี้
มีเหตุการณ์ที่เกือบทำให้กานต์ไม่ได้ร้องเพลงนี้ แล้วแพมมี่ เกือบไม่ได้เป็นนางเอก 800 ล้านแล้ว?
กานต์ : เป็นช่วงโควิด การเงิน การงานมันไม่เข้ามา เราไม่มีเงินที่จะไปต่อ เพราะว่าเงินที่เรามีมันใช้เดี๋ยวก็หมดไปเรื่อยๆ ตัวแม่ผมเองใกล้เกษียณแล้ว เรามีความเป็นห่วงแม่ แล้วเขาก็อยู่กับแม่แล้วก็น้อง แล้วผมอยู่กับแม่สองคน เราต่างก็มีแม่เหมือนกัน เราก็เลยหาทางออกกัน แพมมี่บอกว่าจะไปทำงานที่เมืองนอก ไปร้องเพลงสักพัก เพื่อเก็บเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ส่วนผมเขียนเพลง แต่ตอนนั้นผมขายเพลงไม่ได้เลยตอนนั้น
เห็นว่านั่งคุยแล้วร้องไห้?
กานต์ : ใช่ครับ นั่งคุยในรถ ตอนที่ไปอัดคาถาขุนแผน
แพมมี่ : ตอนนั้นกำลังจะไปอัดเพลงใหม่หนู วันนั้นไม่ได้จะไปอัดคาถาขุนแผน วันนั้นเราไม่ค่อยมีทุน เพราะว่าเวลาอัดเพลงมันต้องใช้เงินเยอะใช่ไหมค่ะ วันนั้นไปนั่งกับพี่เขาที่อยู่ห้องอัด เขาบอกเอามาให้พี่แค่พันเดียวก็ได้ เดี๋ยวพี่ทำให้ แล้วมีน้องๆ 2 คนเรียนที่เดียวกัน เขามาช่วยถ่ายให้
เห็นบอกว่าตอนแรกตะใช้มือถือถ่าย?
กานต์ : ครับ
แพมมี่ : ตอนแรกใช้มือถืออัดเพลง เสียงมันแตก ไม่ค่อยเพราะ แล้วคราวนี้พี่เขามาฟัง เขาบอกมันไม่ได้
กานต์ : ด้วยความที่1.เราไม่มีงบครับ
แพมมี่ : แล้วเราไม่รู้ด้วยว่าเพลงมันจะดังหรือเปล่า
กานต์ : ตอนนั้นมันเริ่มมีกระแสแหละ พระอาจารย์แจ้ท่านเริ่มอาบน้ำมนต์ แต่ตอนนั้นมันออกเป็นเวอร์ชั่นคู่ ตั้งใจจะทำถวาย ทีนี้เราอยากทำเป็นการเล่าเรื่องราวเดี่ยวๆ ของเรา แต่ด้วยความที่เรางบไม่มี พูดตามตรงผมเป็นคนขี้งกมาก เราก็เลยแบบอัดโทรศัพท์ก็ได้ เสียงก็น่าจะเหมือนกันแหละ แล้วเขาก็มาสร้างความมั่นใจให้เราแหละว่ามันมาแน่ๆ เพราะในติ๊กต๊อกมันกำลังมา
พอปล่อยกระแสเป็นยังไง?
กานต์ : ปัญหาพออัดเพลงมาแล้ว ทีนี้ทีมถ่ายเลยได้รุ่นน้องของเขามาช่วยถ่าย
แพมมี่ : ใช้กล้องหนูที่มีอยู่แล้วถ่าย แล้วเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำน้องๆ
กานต์ : ใช่ เลยออกมาเป็น คาถาขุนแผน เวอร์ชั่น 91 ล้านวิว
แพมมี่ : คือมาวันเดียว 2 ล้านวิว
คนอื่นเขาแต่งแนวความรัก ทำไมเราไปแนวเกจิอาจารย์?
กานต์ : คือก่อนที่จะเกิดเพลงคาถาขุนแผน มีเหตุการณ์นึง แพมมี่ทำโทรศัพท์ตกถังขยะ แล้วต้องไปตามเก็บที่อ่อนนุช เป็นโรงขยะกองใหญ่มาก แล้วโทรศัพท์มันอยู่ในนั้น แล้วเปอร์เซ็นต์ที่มันจะออกมายากมาก เพราะมันต้องแยกทีละชิ้น ทีนี้โทรศัพท์มันติดๆ ดับๆ เพราะโดนน้ำขยะมันเปียก อันนี้เป็นความเชื่อนะ ผมขอกับหลวงปู่กวย ซึ่งก่อนขอไปเจอคนงานพม่าเขามาช่วยหา ผมเดินไปอีกฝั่งที่เขาหา ฝั่งโทรศัพท์นั่นแหละ ผมท่องหลวงพ่อกวย ขอท่าน ณ เวลานั้น ตี5 จะ 6 โมงแล้ว มันเช้าแล้วเรายังไม่ได้นอนเลย หลวงพ่อถ้าผมหาเจอนะ ผมตื่นเดี๋ยวผมไปหาเลย หลังจากวันนั้นเรารักษาสัจจะกับหลวงพ่อ ตื่นประมาณเที่ยง นอนไม่กี่ชั่วโมงไปหาหลวงพ่อที่ จ.ชัยนาท
แพมมี่ : เพลงดังค่ะ
เรื่องเพลงได้ขอท่านด้วยไหม?
กานต์ : ขอแค่ 50 ล้าน จะไปจัดงานคอนเสิร์ตให้ท่าน
แพมมี่ : ภายใน 2 เดือน แล้วก็ 50 ล้านภายใน 2 เดือนจริงๆ
กานต์ : แล้ววันนี้วันเกิดท่าน คือเพลงนี้มันพลิกชีวิต หลังจากที่เราไม่มีเงินกัน มันกลายเป็นว่าเราพออยู่ พอกิน มีเงินเลี้ยงครอบครัวได้จนถึงวันนี้
มันก็มีบางส่วนที่เขารู้สึกว่าเราหากินกับเกจิอาจารย์?
กานต์ : ตอนแรกรู้สึกเสียใจครับ ก็จะบ่นกับเขาตลอดว่าทำไมอะ เราทำผิดตรงไหน เพราะสิ่งที่เราทำคือเราแทบไม่ได้อะไรเลย
แพมมี่ : ตอนแรกเราทำถวายเฉยๆ ไม่ได้อะไรเลย
กานต์ : ผมไม่ได้อะไรเลย พอเพลงดัง ผมไม่ได้เอาหลวงพ่อมาหากินอย่างเดียว มีคนเข้าวัดเพิ่มขึ้น มีคนทำบุญเพิ่มขึ้น แล้วเงินส่วนนั้นหลวงพ่อก็เอาไปทำแระโยชน์ต่อ แล้วผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวัดต่างๆ เลยนะ ที่ผมไป ผมไม่เคยได้ส่วนแบ่ง ผมมีหน้าที่ทำเพลงชักชวนคน บางคนอาจจะชักชวนทางอื่นเพื่อเข้ามาหาวัด ผมพอมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ผมก็เลยอยากเขียนเพลงเพื่อจูงคนมาเข้าวัด
มีเรื่องโดนโกงด้วย?
กานต์ : ก็มี แต่ไม่อยากพูดกลัวไปพาดพิงเขา เหมือนเขาเข้ามาช่วยเรา แล้วทีนี้เงินเข้าที่เขาก่อน แล้วเขาก็คงมีปัญหาเรื่องเงิน เลยยืมไป แต่ตอนนี้คุยกัน เคลียร์ใจกันเรียบร้อยแล้ว
แพมมี่มาเป็นผู้จัดการ?
กานต์ : เกือบเข้าปีที่2 แล้ว
กานต์ดังแล้วลืมตัวจริงหรือเปล่า?
กานต์ : เป็นห้วงความคิด แต่ไม่ได้ประพฤติออกหน้าสื่อสาธารณะ
เรารู้ตัวไหม หรือแพมมี่บอก?
แพมมี่ : พอเหนื่อยแล้วสีหน้าจะชักออก จะเป็นคนไม่ได้อดทนเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนได้หมดทุกอย่าง วิ่ง 3 งาน งานสุดท้ายเริ่มเหนื่อย หน้าเริ่มออก หนูก็จะคอยเตือน
กานต์ : มันจะมีห้วงความคิดนึงที่เรารู้สึกเหนื่อย แต่ได้เขามาฉุดความคิดไว้นิดนึง เห้ย...เรารอมาไม่ใช่เหรอวินาทีนี้ เรารอวันนี้มาไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าทุกคนมี แต่มันอยู่ที่ว่าคนรอบข้างเขามันจะขนาดไหน ผมได้คนรอบข้างดี ถ้าผมเจอไม่ดีเราก็จะเป็นอีกแบบเลย โชคดีมันมีคนมาฉุดให้เราคิด ทำให้เราเปลี่ยนความคิดใหม่ ทุกวันนี้ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ผมจะอยู่ถ่ายรูปกับแฟนเพลงตั้งแต่คนแรกจนคนสุดท้าย
ความในใจมีอะไรอยากบอก?
กานต์ : ความจริงเราพูดกันทุกวันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เราจะอยู่กันที่งาน เราทำงานแทบทุกวัน แทบทุกเวลาด้วยซ้ำ ดีใจมากกว่าที่ในทุกๆ ก้าวเขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาฝัน
แพมมี่ : จริงๆ หนูบอกให้เขามีสติมากกว่าเวลาจะคุยหรืออะไรกับใคร
กานต์ : เอาจริงๆ ไม่มีมุมสวีทเลย ด่าอย่างเดียว ส่วนใหญ่เขาบ่น
Advertisement