วันที่ 13 ม.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .… หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (พ.ร.บ.กาสิโน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งเป็นไปตามแนวโยบายแห่งรัฐข้อที่ 7 คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนน้ำ สวนสนุก การค้า ที่ครบวงจร นำเอาคอนเสิร์ต เทศกาล กีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย ที่ไม่ใช่เป็นการทำกาสิโนอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวครอบครัว โดยโมเดลนี้ประสบความสำเร็จหลายแห่งทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น (โอซาก้า) ยูเออี เนวาด้า สหรัฐอเมริกา หรือมาเก๊า และสิงคโปร์ที่สามารถสร้างเม็ดเข้าสู่ประเทศ สร้างรายได้ให้กับรัฐ กระทั่ง 20 ปี ต่อมาได้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และสร้างการจัดเก็บรายได้ให้กับรัฐอย่างมีนัยยะสำคัญ
“สำหรับแนวโยบายแห่งรัฐข้อที่ 7 หากจะทำ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ สิ่งที่เป็นองค์ประกอบเข้าไป เช่น สวนสนุก สนามกีฬาขนาดใหญ่ สวนน้ำ การสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งวันนี้ได้ข้อคิดเห็นจากครม. ในเรื่องของกีฬาพื้นที่ เช่น มวยไทย ไก่ชน ซึ่งได้รับความเห็นมา เพื่อไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ และจะมีการดึงเอาการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ เช่น การดึงกลุ่มประชุมสัมมนา เพื่อรับรางวัลหรือไมซ์ ถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศ” นายจุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าจะมีการลงทุนไม่ต่ำกว่าแห่งละ 1 แสนล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ ที่ลงทุนไป 2 แสนล้านบาท และเฟสที่ 2 เพิ่งทำสัญญาการลงทุนไป สามารถดึงดูดการเพิ่มลงทุนได้ 3 แสนล้านบาท และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.2 – 1.4 แสนล้านบาท ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นและสร้างการเติบโตของนักท่องเที่ยว 20% ส่วนไทยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 5-10% เพราะโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจของไทยต่างจากสิงคโปร์ และกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซันไม่น้อย 13% และลดความเหลือมล้ำในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันและโลว์ซีซัน เพิ่มการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 2 หมื่นบ้านต่อคน เกิดดารจ้างงานไม่น้อยกว่า 9,000 – 15,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 0.3 – 0.5% สร้างรายได้ให้รัฐไม่น้อยกว่า 12,000 – 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่เกิดจากการพนัน(ส่วนน้อย) อีกส่วนเป็นรายได้จากการโรงแรมและธุรกิจอื่นๆ เช่น สวนสนุก และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่จะนำไปพัฒนาประเทศ เงินนี้จะเข้าสู่การเยียวยา และเพื่อควบคุมการพนันที่ผิดกฎหมายต่อไป
หลังจากนี้จะส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจร่างกฎหมายและปรับแก้ตามแนวนโยบายแห่งรัฐตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภาต่อไป เชื่อว่าจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ที่จะกลับไปสู่สภาผู้แทนราษฎร สุดท้ายอำนาจก็จะไปอยู่ที่รัฐสภาในการวินิจฉัยในการปรับเพิ่มปรับแก้ เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายอย่างมีคุณภาพ และบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าประเทศ และแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย
Advertisement