วันที่ 7 ก.พ.68 นายจักรภพ เพ็ญแข" อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ "สุไพรพล ช่วยชู" หรือ ป๊อบ จูงมือจดทะเบียนสมรส ที่สำนักงานเขตบางรัก กทม.หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 23 ปี โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาเป็นเถ้าแก่และร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
โดยนายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ที่ได้ไปประชุมที่มาเลเซียเป็นประธานอาเซียน ก็ขอให้ทางด้าน นายทักษิณ ชินวัตร ช่วยเหลือ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับบ้านเราและพม่า เนื่องจากว่าการสู้รบในพม่าทำให้อาเซียนถูกลดความสำคัญลงไปมาก จึงอยากให้สมาชิกอาเซียน มีภาวะการปกครองที่ปกติ ก็อยากให้ตนคุยกับทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งตนนั้นก็รู้จักกันเป็นส่วนใหญ่ และจะหาเวลาเดินทางไป
เรื่องที่ 2 ก็คือ เรื่องที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้เริ่มต้นคริปโตในสหรัฐอเมริกา นายทักษิณ มองว่าหากพวกเราอาเซียนไม่ขยับ เราก็จะเสียเปรียบ ก็เลยอยากให้ตนที่สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษได้ทำข้อเสนอแนะให้กับอาเซียน ทำให้ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียก็จะเป็นสามประเทศหลักที่เคลื่อนไหวก่อน ก็จะเป็นประโยชน์กับทางเศรษฐกิจไทย แล้วก็คุยกันหลายปัญหา โดยเฉพาะปัญหาทางภาคใต้ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร เราจะพยายามทำทุกอย่างให้เบาบางลงและจบเร็วที่สุด
เมื่อถามว่าจะมีการขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอนว่าจะขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ซึ่งวัตถุประสงค์ของตนนั้นไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปทำงาน ทุกอย่างไปทำงานให้บ้านเมือง
ส่วนสถานการณ์ภาคใต้ ตนมองว่าน่าจะดีขึ้น เพราะว่ามีการพูดคุยกันแล้วว่ามีอะไรที่เป็นสาเหตุให้เราดับไฟไม่ได้ น่าจะมีความร่วมมือที่ดี
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ฝากถึงเรื่องประเด็นใดบ้าง นายทักษิณเผยว่า คงต้องคุยกันเพื่อความเข้าใจ เนื่องจากประเทศเราเป็นประเทศที่มีสหรัฐเป็นพันธมิตรมานานเก่าแก่ที่สุดและมีจีน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นเราต้องวางความเหมาะสมตรงนี้ให้พอดี ส่วนใหญ่การพูดคุยก็เป็นไปด้วยดี
ส่วนผลการเลือกตั้งนายกอบจ. ที่ผ่านมา ว่าพรรคเพื่อไทยก็ชนะหลายเขต ที่ผิดคาดมีอยู่ประมาณ 3 เขต ในจำนวนนี้ 2 เขตเกิดจากความสามัคคีกันของสส. อีกเขตเกิดจากความประมาท ของผู้ร่วมสมัคร ก็ไม่ได้ผิดเป้ามาก คงไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะตอนนี้พูดแค่นี้เจ้าตัวก็สะดุ้งกันหมด
เมื่อถามถึงกระแสที่บอกว่า ทักษิณสิ้นมนต์ขลังแล้ว
นายทักษิณ ระบุว่า "ผมไม่มีมนต์ขลังอะไร แก่ขนาดนี้สาวๆยังไม่มองเลย คือต่ำกว่า 40 เขาไม่รู้จักผมหรอก คนส่วนใหญ่ก็คือเกิน 40 ที่จำผมได้"
ส่วนเลือกตั้งใหญ่มั่นใจ 200 ที่นั่ง แย่ๆคงมี 200 ไม่ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแล้ว เพราะว่านกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน เราอยากมีเพื่อนเยอะ แต่เยอะมากก็ไม่ดี
ส่วนเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เรากับจีนร่วมมือกันอย่างดี เราก็ขอร้องประเทศเพื่อนบ้านทั้งพม่า ที่เขามีการสู้รบ แน่นอนรายได้ส่วนหนึ่งที่เขามีการสู้รบก็มาจากคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด ถ้าเราไม่จัดการที่ต้นเหตุมันก็ไม่จบ แน่นอนว่าคนฝั่งพม่า ชุมชนอาจจะเดือดร้อน แต่ชุมชนก็ต้องคิดว่าจะไปโอบอุ้มพวกคอลเซ็นเตอร์ไว้ทำไม ถ้าเขาไล่คอลเซ็นเตอร์กลับไป เราก็ดูแลเขา เราก็ส่งไฟส่งสัญญาณโทรศัพท์ให้เหมือนเดิม แต่วันนี้เราต้องห่วงคนไทยฝั่งนี้ที่โดนหลอกมากกว่าสังคมฝั่งโน้น ที่โอบอุ่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไว้ ทั้งทางฝั่งพม่าและฝั่งเขมรตอนนี้ ก็มีข้อมูลชัดเจนขึ้นว่าใครเป็นใคร ก็จะขอความร่วมมือ เราก็รู้อยู่ว่าที่ปอยเปตตึก 25 ชั้นเป็นของใคร คนนี้มีสัญชาติไทยด้วย
ทั้งนี้นอกจากสัญญาณไฟฟ้าแล้ว นายทักษิณเผยว่า ยังงดส่งน้ำมันด้วย ไม่ให้น้ำมันเข้าไปปั่นไฟ ส่วนกรณีที่ฝั่งพม่าจะไปใช้ไฟทางฝั่งลาว นายทักษิณ กล่าวว่า อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่
ทั้งนี้เรื่องความขัดเแย้งการทำงานใน ครม. นายทักษิณ กล่าวว่า ตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีทุกวันนี้ทำงานร่วมกันไม่มีปัญหา อาจจะมีขัดข้องบางกระทรวงที่ทำงานช้า ไม่ค่อยกระตือรือร้น และยังอยู่ในภาวะที่คุยกันได้
ส่วนเรื่องพืชผลทางการเกษตรตกต่ำหลายตัว นายทักษิณ มองว่า ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจทั้งโลกมีปัญหา เราก็ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจของเราให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้กระแสว่าจะมีการโยกย้าย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายทักษิณ กล่าวว่า ยังไม่มีข่าวอะไร นายพีระพันธุ์ ก็พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีดี โดยเฉพาะเรื่อง กพช. บางครั้งก็มีการมอบหมายให้ไปทำหน้าที่แทน ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนการทำงานของคณะรัฐมนตรี ตนมองว่า บางอย่างต้องการการตัดสินใจเด็ดขาดฉับไว ก็จะเจอนักรำวงบ้าง การบริการเป็นนักรำวงถือว่าเป็นนักบริหารที่ดีไม่ได้ ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้แนะนำอะไรกับนายกรัฐมนตรี เพราะมองว่าเป็นหน้าที่และสปริตของนายกรัฐมนตรีเอง ตนมีหน้าที่ให้คำปรึกษา ถ้าอยากจะปรึกษา
Advertisement