ที่ กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรีฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า เป็นไปด้วยดี การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีนายทักษิณที่ลงพื้นที่ไปในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน โดยอยากไปรับรู้สภาพและไปรับฟังได้พบกับผู้นำในท้องที่ ตนในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) จึงถือโอกาสลงพื้นที่ไปด้วย และมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ไปด้วยเช่นกัน
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า จุดพื้นที่แรกที่ลงพื้นที่นั้นคือวัดประชุมชลธารา ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี เพื่อกราบนมัสการพระธรรมวัชรจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 และจะพบปะกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำเครือข่ายชาวไทยพุทธ เพื่อหารือถึงการพัฒนาในพื้นที่ โดยเครือข่ายชาวไทยพุทธได้ระบุไว้ว่าเหลือบุคคลชาวพุทธเหลือน้อยลงไปทุกที แต่รู้สึกว่าอยากให้มีผู้ใหญ่เข้ามาเยี่ยมในพื้นที่บ้าง รวมถึงเจ้าอาวาสก็ได้ให้พร และพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงได้มีการประชุมและมีการพูดคุยกับข้าราชการ ตัวแทนชาวพุทธ ตัวแทนภาคประชาสังคม พร้อมทั้งรับฟังปัญหาที่เครือข่ายชาวไทยพุทธได้พบเจอ โดยเราจะรับฟังแต่ทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคมพหุนิยมเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า จุดที่สองเดินทางไปยังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีอดีตมุสลิมรุ่นเก่าอยู่ อีกทั้งไปยังโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พบปะกับผู้นำศาสนา ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้นำท้องถิ่น ก่อนออกเดินทางไปเยี่ยมชมกิจกรรมภายใน TK Park จ.ยะลา
ทั้งนี้ หัวใจสำคัญหลังจากที่ นายทักษิณ ได้ลงพื้นที่ ท่านสามารถประสานงานกับผู้นำประเทศ 3 ประเทศที่อยู่ในพื้นที่ได้ ทั้ง บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งจากการพูดคุยกันทุกประเทศมีความเป็นห่วงและอยากให้ภาคใต้สงบ อยากเห็นสังคมพหุนิยม เช่นเดียวกับประเทศตะวันออกกลางที่อยู่กันได้ทั้ง 3 ศาสนา ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ซึ่งหลังจากที่นายทักษิณได้ฟังปัญหาในพื้นที่แล้ว คิดว่าการแก้ไขปัญหาไม่น่าจะยากมาก หากได้มีการประสานร่วมมือกันระหว่าง 3 ประเทศ ดังนั้น ปีนี้น่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจน จะมีทิศทางที่ดีขึ้น และปีหน้าจะหาทางจบเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่รัฐบาลจะต้องนำมาพิจารณา ในฐานะที่ตนรับผิดชอบงานภาคใต้ น่าจะหาทางออกได้
นายภูมิธรรม ยังกล่าวต่อด้วยว่า ระหว่างลงพื้นที่ นายทักษิณ ได้ยกปรัชญาของศาสนาอิสลาม เรื่องสันติสุขประกาศให้อภัย และถือเป็นการพูดครั้งแรกของนายทักษิณในทุกจุดที่ลงพื้นที่ เรื่องการขออภัย และได้เห็นถึงการตอบสนองของชาวมุสลิมในพื้นที่ เหตุท่านเป็นนายกฯสมัยนั้นตั้งใจทำงานหลายอย่าง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่บางอย่างมีข้อผิดพลาด ท่านจึงบอกกับชาวมุสลิม ว่า หากได้ทำอะไร ที่เป็นข้อขัดข้องติดใจ ก็ขออภัย อยากให้คนมุสลิมกลับมาคิด ถึงการอยู่ร่วมกันแบบพหุนิยม ก็อยู่กันมาด้วยดี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 9 ได้ลงมาเยี่ยมเยียน และพูดคุยกับผู้นำศาสนา อยากให้มองว่าที่นี้คือประเทศไทยของเรา บ้านของเรา ให้อยู่ร่วมกัน รวมถึงอยากให้นำปรัชญา เข้าใจเข้าถึงพัฒนา มาทำงาน และอยากให้ชาวมุสลิมได้รู้สึกว่า เขาเป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่ใช่แค่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หมายถึง 77 จังหวัดของประเทศไทย
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า โดย นายทักษิณ เชื่อว่าเรื่องภาคใต้ จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ซึ่ง นายทักษิณ ได้พูดความในใจไปแล้ว ในส่วนของตนและ พ.ต.อ.ทวี ในฐานะที่รับผิดชอบของพื้นที่ ก็รับฟังปัญหาและนำไปแก้ไข และอาจจะต้องพูดคุยกับอีกหลายภาคส่วนในเร็ววันนี้ แต่เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ได้ พร้อมยืนยันว่ากระบวนการพูดคุยยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่มั่นใจ ที่พูดคุยเป็นระดับไหน สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ จึงอยากให้เดือนรอมฎอน เป็นตัวพิสูจน์ว่า ต้องไม่มีการก่อเหตุ หยุดสร้างความรุนแรง
ส่วนกรณีที่มีระเบิดลงก่อนที่ นายทักษิณ จะไปถึงพื้นที่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติเพราะมีการก่อเหตุรายวันอยู่แล้ว ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว กลับเป็นการทำให้เรามุ่งมั่นเข้าถึงเขาสร้าง เพื่อสร้างความเข้าใจ ในทุกพื้นที่ ซึ่งนายทักษิณ เคยบอกว่าได้เข้าไปในชุมชนมุสลิมที่เป็นโรงเรียน ปัจจุบันดีขึ้นมาก บรรยากาศผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียดเหมือนสมัยก่อน
เมื่อถามถึงกรณี นายทักษิณ กล่าวว่าปี 70 เรื่องของภาคใต้จะจบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราเชื่อมั่นว่าปีนี้จะดีขึ้น ปีหน้าก็จะหาแนวทางจบเรื่องนี้ แต่จะเป็นอย่างไรนั้นต้องช่วยกันคิด ยังไม่สามารถตอบอะไรได้ เพียงแต่นี่คือความมุ่งมั่นและความมั่นใจที่จะทำงาน
Advertisement